ใกล้วันหยุดยาวแล้ว หลายคนคงกำลังวางแผนทริปสุดสนุก เพื่อพักผ่อนหลังจากทำงานหนักมาตลอดทั้งปี แต่แพทย์แนะนำว่าก่อนออกเดินทาง นักเดินทางยุคใหม่ต้องเตรียม “สุขภาพให้พร้อม” เพื่อให้การเดินทางไม่สะดุด ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมสุขภาพและการฉีดวัคซีน หนึ่งในวัคซีนที่จำเป็นอย่างมากคือ วัคซีนไข้เหลือง ปัจจุบันตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ (WHO IHR) กำหนดให้นักเดินทางจำเป็นต้องได้รับวัคซีนไข้เหลืองก่อนการเดินทางไปยังประเทศที่มีไข้เหลืองระบาด ซึ่งอยู่ในประเทศแถบแอฟริกา และอเมริกาใต้ ผู้เดินทางต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 10 วันก่อนเดินทาง ไม่อย่างนั้นอาจไม่สามารถเดินทางได้
“ไข้เหลือง” หรือ Yellow Fever โรคอันตรายที่ต้องระวัง! พญ.จิตรฟ้า หรูรุ่งโรจน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ป้องกัน และเวชศาสตร์การเดินทาง โรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวถึง โรคนี้ว่า "ไข้เหลือง" เกิดจากเชื้อไวรัสฟลาวิไวรัส (Flavivirus) ที่พบการระบาดในเขตร้อนแถบแอฟริกาและอเมริกาใต้ โดยมียุงลายเป็นพาหะในการแพร่เชื้อ มีระยะฟักตัวของโรค 4-10 วัน เฉลี่ย 6 วัน อาการได้แก่ มีไข้ ปวดเมื่อยตัว อาเจียน ระยะต่อมามีเลือดออกผิดปกติ ตับวาย ตัวเหลืองตาเหลือง 20 % ของผู้ติดเชื้อจะมีอาการรุนแรง และ 50% ของผู้ที่มีอาการรุนแรงจะเสียชีวิต
แม้ยังไม่มีการรักษาเฉพาะสำหรับไข้เหลืองในปัจจุบัน แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนไข้เหลือง (Yellow Fever Vaccine) ซึ่งวัคซีนเชื้อเป็นที่ทำให้อ่อนฤทธิ์ลง โดยทั่วไปมีความปลอดภัยและมีผลข้างเคียงน้อย เช่น ไข้ต่ำ ๆ หรือปวดเมื่อยที่จุดฉีด อาการเหล่านี้จะหายไปภายในไม่กี่วัน แต่เนื่องจากวัคซีนเป็นวัคซีนเชื้อเป็น ดังนั้นในคนบางกลุ่มอาจเกิดผลข้างเคียงรุนแรงได้ คืออาการของโรคไข้เหลืองเสมือนการติดเชื้อไข้เหลืองจริง หรือผลข้างเคียงทางระบบประสาทที่รุนแรง เช่น ผู้สูงอายุเกิน 60 ปี เด็กทารกอายุต่ำกว่า 9 เดือน ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ติดเชื้อ HIV กินยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ที่เป็นเนื้องอกต่อมไทมัส ผู้ที่ผ่าตัดต่อมไทมัส เป็นต้น รวมถึงผู้ที่มีประวัติแพ้ไข่ เนื่องจากวัคซีนมีส่วนผสมของไข่ ดังนั้นก่อนวางแผนการเดินทางไปประเทศที่มีโรคไข้เหลือง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าสามารถฉีดวัคซีนได้หรือไม่ และหากมีข้อห้ามในการฉีดวัคซีนควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปประเทศที่มีโรคไข้เหลือง
สำหรับวัคซีนไข้เหลือง เป็นวัคซีนเชื้อเป็นที่ทำให้อ่อนฤทธิ์ลง ฉีดเข้าชั้นไขมันหรือชั้นกล้ามเนื้อ 1 เข็ม ฉีด 1 ครั้งครอบคลุมได้ตลอดชีวิตโดยไม่ต้องฉีดกระตุ้น ซึ่งตามกฎเดิมต้องฉีด 1 เข็มทุก 10 ปี แต่บางกรณีแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดกระตุ้นหากได้รับวัคซีนมาเกิน 10 ปี เช่น เดินทางเข้าไปในพื้นที่ที่มีการระบาดอยู่ โดยการฉีดวัคซีนไข้เหลือง เมื่อฉีดแล้วก็จะได้หนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ เพื่อเป็นหลักฐานยื่นให้กับตม. หนังสือรับรองจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 10 วันหลังฉีด ซึ่งต้องฉีดในสถานพยาบาลหรือหน่วยงานที่ได้มีการขึ้นทะเบียนกับกรมควบคุมโรคให้มีอำนาจในการออกหนังสือรับรองเท่านั้น
คำแนะนำสำหรับผู้ที่จะมาฉีดวัคซีนไข้เหลือง
โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์วัคซีนเพื่อทำนัดล่วงหน้าในการจัดเตรียมวัคซีน และ คัดกรองเบื้องต้นว่ามีข้อห้ามในการฉีดวัคซีนไข้เหลืองหรือไม่
ต้องมาฉีดวัคซีนอย่างน้อย 10 วันก่อนวันเดินทาง และต้องเว้นระยะจากการฉีดวัคซีนเชื้อเป็นอย่างน้อย 28 วัน ก่อนมาฉีดวัคซีนไข้เหลือง
นำ passport หรือ สำเนา passport มาด้วย เนื่องจากต้องใช้ในการออกหนังสือรับรองการฉีดวัคซีน
หลังฉีดวัคซีนให้สังเกตอาการในรพ.อย่างน้อย 30 นาที
พญ.จิตรฟ้า ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับนักเดินทางที่ไปยังประเทศในแอฟริกาและอเมริกาใต้ เช่น บราซิล โคลอมเบีย หรือไนจีเรีย หากไม่มีหลักฐานการฉีดวัคซีน อาจถูกปฏิเสธการเข้าเมืองหรือถูกกักตัว ดังนั้น การเตรียมสุขภาพให้พร้อมก่อนเดินทางจะช่วยให้คุณไม่พลาดประสบการณ์ดี ๆ และป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง
โรงพยาบาลพระรามเก้าให้บริการพร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพก่อนการเดินทาง โดยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 1270 หรือ Website: www.praram9.com / Line: lin.ee/vR9xrQs หรือ @praram9hospital และ Facebook: Praram9 Hospital โรงพยาบาลพระรามเก้า HEALTHCARE YOU CAN TRUST เรื่องสุขภาพ… ไว้ใจเรา #Praram9Hospital อย่าลืมชวนคนที่คุณรักมาร่วม “โอบกอดสุขภาพดีไปด้วยกัน” เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นในทุก ๆ วัน