DSI ขยายผลเครือข่าย “แม่มนต์” เปิดตู้นิรภัย 21 ตู้ พบหลักฐานฟอกเงินโยงนายทุนใหญ่ พบทรัพย์สินจำนวนกว่า 300 ล้าน
วันที่ 7 พ.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย ร้อยตำรวจเอก เขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผู้อำนวยการกองเทคโนโลยีและสารสนเทศ นายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมายและโฆษกประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และนายอัษฎาวุธ ศรีปิตา ผู้ช่วยโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร่วมกันแถลงข่าว DSI ขยายผลเครือข่าย “แม่มนต์” เปิดตู้นิรภัย 21 ตู้ ที่ผู้ต้องหาฝากไว้กับธนาคารพาณิชย์
สืบเนื่องจาก วานนี้ (วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2567) คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ดำเนินการเข้าตรวจตู้นิรภัยจำนวน 21 ตู้ของธนาคารพาณิชย์ในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่มนายทุนที่เชื่อมโยงกับธุรกิจพนันออนไลน์ในเครือข่าย “แม่มนต์” คดีพิเศษที่ 76/2566 และ 89/2567 โดยมีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา จำนวน 38 ราย ในข้อหาที่รวมถึงการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ การจัดให้มีการพนันที่ไม่ได้รับอนุญาต และการฟอกเงิน อ้างอิงตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตามหมายจับแล้วรวม 20 ราย ภายหลังจากการขยายผล พบว่ามีการกระทำความผิดเพิ่มเติม โดยกลุ่มบุคคลทำหน้าที่โยกย้ายเงินที่ได้จากเว็บพนันไปยังบัญชีธนาคารอื่น ซึ่งเกี่ยวข้องกับนายทุนใหญ่ 5 ราย โดยการกระทำดังกล่าวมีลักษณะการฟอกเงินและละเมิดพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้อนุมัติให้ทำการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมเป็นคดีพิเศษที่ 89/2567
การตรวจสอบพบว่ากลุ่มนายทุนได้เช่าตู้นิรภัยไว้ที่ธนาคารในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ทางคณะพนักงานสอบสวนจึงขออนุมัติศาลจังหวัดลพบุรีเพื่อทำการเปิดตู้นิรภัยทั้ง 21 ตู้ พบทรัพย์สิน มูลค่าประเมินกว่า 200 ล้านบาท อาทิ ทรัพย์สินที่มีลักษณะสีคล้ายทองคำ เช่น สร้อยคอ กำไล ต่างหู แหวน สร้อยข้อมือ กำไลคอ เข็มขัด โลหะแท่ง ปิ่นโต แก้ว ชาม จาน ช้อนส้อม กระเป๋าถือ สร้อยคล้ายเพชร โฉนดที่ดิน เงินสดกว่า 15 ล้านบาท และพระเครื่อง รวมทั้งสิ้นประมาณ 300 ล้านบาท