หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ขายข่าวขายความจริงให้ประชาชนคนไทยได้อ่านมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประเทศไทยฉบับนี้ ประจำวันพุธที่ 23 ต.ค.2567 น้อมเกล้าฯรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ วันปิยมหาราช ...*...
92 ปี ของการมีระบอบการปกครอง ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ของ ประเทศไทย ยังไปไม่ถึงไหน สลับอำนาจกันไปมา ระหว่าง เผด็จการ กับ นักการเมือง เป็นวงจรอุบาทก์ แย่งอำนาจ เพื่อ มุ่งหาผลประโยชน์ใส่ตน แต่ อ้างประชาชนบังหน้า บนความจริงที่เห็นๆอยู่ว่า ผลประโยชน์ประชาชนเป็นนามธรรม ในขณะที่ ผลประโยชน์การเมืองเป็นรูปธรรม เป็นที่ประจักษ์ จะยังจมปลักวงจรอุบาทก์ไปอีกนานเท่าไหร่ ไม่มีใครตอบได้ ...*...
แย่งอำนาจ เพราะ แย่งผลประโยชน์ใส่ตน จึงเป็นเหตุให้ การเมืองขาดความอดทนรอคอย ผู้สูญเสีย ก็เดินเกมสอยอำนาจทันที ด้วยเหตุฉะนี้ การเมืองไทยจึงไม่เคยนิ่งสักครั้ง ทำให้ ประเทศไทยล้าหลัง ก้าวไม่ข้ามประเทศกำลังพัฒนา มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย ของเค้า เคลียร์การเมืองจนลงตัว และ เห็นหัวประชาชน ทำให้ การเมืองนิ่ง ความเจริญก็วิ่งเข้ามาหา เป็นประเทศพัฒนาไปแล้ว ...*...
แต่กับเกม นิติสงคราม ที่นี่ บารอน ยังยอมรับได้ เป็นกติกากำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญ อย่างไร ก็ดีกว่าการทำสงครามม็อบ ที่ เป็นสารตั้งต้นของความรุนแรง และ นำไปสู่ความวุ่นวาย สุดท้ายจบลง ด้วยการปฏิวัติรัฐประหารทุกครั้งไป ...*....
เริ่มนับหนึ่งทันที ที่ นายแสวง บุญมี เลขาฯ กกต. รับลูก 6 คำร้อง ที่ ร้องขอให้ กกต.พิจารณายุบพรรคเพื่อไทย และ พรรคร่วมรัฐบาล 6 พรรค ที่ ชักแถวเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ไปพบ นายทักษิณ ชินวัตร เมื่อ ค่ำวันที่ 14 สิงหาคม เสนอนายชัยเกษม นิติศิริ หนึ่งในแคนดิเดทนายกฯของพรรคเพื่อไทย แทน นายเศรษฐา ทวีสิน ที่สิ้นสภาพนายกฯ ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ในวันเดียวกันนั้น ถือว่าเป็นการยินยอมให้ นายทักษิณ ชินวัตร ครอบงำ หรือ ชี้นำ ...*...
เมื่อ นายแสวง บุญมี ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เห็นชอบข้อเสนอ ว่า คำร้องมีมูล ขั้นตอนต่อไป ตั้งคณะกรรมการสอบสวน และ ทำหนังสือถึงพรรคการเมืองที่ถูกร้องทั้งหมด ให้ส่งคำชี้แจงมาภายใน 30 วัน และ ขยายเวลาให้อีก 30 วัน หลังจากนั้น ต้องส่งขึ้นไปให้ กกต.พิจารณา ว่า สมควรยุบพรรคหรือไม่ ใช่ว่าจะถูกยุบพรรคทันที โอกาสหลุดยังมี หาก กกต.ไม่เห็นควรยุบพรรค มันก็จบลงที กกต. เหมือนอัยการสั่งไม่ฟ้อง คำร้องกล่าวโทษก็ไปไม่ถึงศาล ...*...
และถ้า กกต.เห็นควรสั่งให้ยุบพรรค ยังต้อง ส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ที่ ยังเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองทำหนังสือชี้แจงอีกครั้ง ขึ้นอยู่กับคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้กำหนดวันวินิจฉัย โดย ใช้เสียงข้างมากของ 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ใช้องค์คณะมากกว่าศาลอาญา ที่มีองค์คณะผู้พิพากษาเพียง 3 คน ไม่ใช่ว่าจะตัดสินยุบพรรคการเมืองกันง่ายๆ ขอแค่เพียง นักการเมืองยอมรับคำวินิจฉัย เท่ากับ รักษากติกาประชาธิปไตย ให้ความสงบจบลงที่ศาล ...*...
ที่นี่ บารอน เขียนข่าวให้อ่านกันมาก่อนหน้านี้ไว้ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ในเช้าวันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พรรคภูมิใจไทยยังคงสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล แต่ ไม่สนับสนุนผู้เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.112 และในช่วงเย็นวันเดียวกันนั้น พรรคเพื่อไทย ก็มีมติพรรค สนับสนุนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ประเด็นนี้ ฝ่ายกฎหมายต้องชี้แจงให้ดีๆ โอกาสที่ รอดจากการถูกครอบงำพรรคยังมี ...*...
งวดเข้าไปทุกที คือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ จะมีขึ้นในวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายนนี้ ชิงชัยชนะกัน ระหว่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ พรรครีพับลีกัล กับ นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ พรรคเดโมแครต ที่จะเป็นผู้หญิงผิวสีคนแรก ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กูรูการเมือง ไม่กล้าชี้ขาดให้ใครชนะ เป็นการแข่งขันที่คะแนนสูสีกันที่สุด ฝรั่งใช้คำว่า ต้องโยนเหรียญ ...*...
ล่าสุด สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น ถึงกับเชิญ ผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยา มาวิเคราะห์ถึง จุดอ่อนจุดแข็ง ของ ทรัมป์ และ แฮร์ริส ไว้อย่างละเอียด ลงลึกถึงความเป็นชายของทรัมป์ ไว้ว่า พยายามลบปมด้อยของตัวเอง ด้วยการ อวดความยิ่งใหญ่ในทุกๆด้าน เช่น เอานักมวยปล้ำ ที่มีความล่ำสูงใหญ่ มายืนเคียงข้างกายบนเวทีหาเสียง ...*...
มีคดีฟ้องหย่าคาอยู่ในศาล นักแสดงสาวหนังเอ็กซ์ เป็นอดีตภรรยาของทรัมป์ ได้กล่าวทักทายผู้พิพากษา ทนายความ และ เจ้าหน้าที่ศาล ด้วย ประโยคทักทายธรรมดา แต่ ปะหน้าทรัมป์ คู่กรณี เธอใช้คำทักทาย ว่า ฮัลโหล ...*...
สำหรับ นางกมลา แฮร์ริส นักจิตวิทยาวิเคราะห์ว่า หัวเราะมากไป ทำให้ เสียบุคลิก จากแรกๆ คะแนนนำห่าง พอเข้าทางตรงสู่เส้นชัย คะแนนเลยหดหายไปมาก บวกกับ อเมริกันชน ที่ เหยียดเพศ และ เหยียดผิว ยังไม่หมดไป คะแนนทรัมป์เลยไล่ตามทันแบบหายใจรดต้นคอ ...*...
และ ผู้ที่จะทำให้คะแนน ของ นางกมลา แฮร์ริส ไหล อยู่ที่ รัฐบาลเดโมแครต ถ้า สามารถเจรจากับนายเนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ยอมเซ็นสัญญาหยุดทำสงครามกับกลุ่มฮามาส แม้แต่ จะเป็นสัญญาชั่วคราวก็ตาม อเมริกันชนเบื่อสงคราม จะหามนางแฮร์ริสเป็นประธานาธิบดีหญิงผิวสีคนแรก ของประวัติศาสตร์อเมริกา