"ภูมิธรรม" เผยกินข้าวพรรคร่วมรัฐบาล 21 ต.ค. ยังไม่กำหนดเรื่องหารือ ลั่นอย่าเพิ่งพูดถ้าแก้รัฐธรรมนูญไม่ทัน บอกมีเวลาอีก 2 ปีกว่า ยังไม่คุยแนวทางนิรโทษกรรม หลังท่าทีบางพรรคร่วมจ่องดออกเสียง  ขณะที่ อนุทิน ย้ำหลักการทำประชามติ 2 ชั้น ลั่นต้องรักษาประโยชน์ของประชาชน อย่าก้าวก่าย สว.ใช้เวทีสภาฯตัดสินดีกว่า

 ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 16 ต.ค.67 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลมีท่าทีไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนิรโทษกรรม ว่า ทุกเรื่องต้องพูดคุยกัน และอาจจะคุยเรื่องนี้ในการนัดรับประทานอาหารค่ำกับพรรคร่วม วันที่ 21 ตุลาคมนี้
 ขณะเดียวกัน นายกฯ ไม่ตอบคำถามถึงการคุยกับฝ่ายกฎหมายแล้วหรือยัง ในกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ ที่ยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้สั่ง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย เลิกการกระทำอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยฯ โดยเพียงแต่หันมาฟัง และถามว่าใครฟ้อง ก่อนเดินเข้าตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที

 ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการนัดพรรคร่วมรัฐบาลรับประทานอาหารในวันที่ 21 ต.ค.67 จะพูดคุยประเด็นอะไรเป็นพิเศษ ว่า เรายังไม่กำหนดประเด็นที่ชัดเจน เพราะเป็นครั้งแรกของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยเวทีนี้จะมีโอกาสแลกเปลี่ยน มองปัญหา และบูรณาการทำงานร่วมกัน ใครติดขัดเรื่องการทำงานอะไร ตรงนี้จะได้ทำความเข้าใจ เพื่อให้งานเป็นเอกภาพมากขึ้น 
 ผู้สื่อข่าวถามว่า จะพูดคุยถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า คงเป็นประเด็นการเมืองทั่วไป ใครสนใจอะไรเป็นพิเศษจะหยิบขึ้นมา วันนี้มาทำความรู้จักกันให้มากขึ้น เมื่อถามย้ำว่า ก่อนหน้านี้เคยระบุว่าจะเชิญหัวหน้าพรรคร่วม มาสรุปแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ชัด เมื่อมีการพูดคุยของหัวหน้าพรรคร่วมจะชัดเจนขึ้นหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับวงประชุม เพราะครั้งนี้ไม่ได้กำหนดเป็นวาระ ต้องรอดูว่าจะได้พูดคุยอะไรกันบ้าง
 เมื่อถามต่อว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะแล้วเสร็จในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ความตั้งใจของพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำ เราพยายามทำให้ทัน แต่จะทันหรือไม่นั้นอยู่ที่การถกเถียง ความเห็นต่างหากไม่มากก็เดินได้เร็ว แต่ถ้าเห็นต่างกันมากก็ต้องใช้เวลา เมื่อถามย้ำว่าหากไม่ทันในรัฐบาลชุดนี้จะเป็นปัญหาหรือไม่ เพราะเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม ตอบกลับว่า "อย่าเพิ่งพูดถ้า เรายังไม่รู้ เวลายังเหลืออีก 2 ปีกว่า เกือบ 3 ปี อย่าเพิ่งถ้า รอให้สถานการณ์มันเกิด มันมีเงื่อนไขอีกหลายอย่าง"
 ส่วนกรณีพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคมีท่าทีจะงดออกเสียง ต่อรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ท่าทีของรัฐบาลจะเป็นอย่างไร นายภูมิธรรม ระบุว่า เรื่องนี้เรายังไม่ได้คุยกัน เป็นความเห็นแต่ละพรรค แต่พอถึงเวลามีการประชุมร่วมกันก็ต้องคุยกันเรื่องเหล่านี้

 ขณะที่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีความไม่ชัดเจนของการรายงานผลการศึกษาคณะกรรมมาธิการ(กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ซึ่งอาจเข้าวาระการพิจารณาของสภาฯ ไม่ทันในสมัยประชุมนี้ ว่า ตัวรายงานได้ผ่านชั้น กมธ.มาแล้ว ซึ่งมีตัวแทนจากพรรคฝ่านค้านและรัฐบาลอยู่ใน กมธ. เพราะฉะนั้น คิดว่าไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องมาคุยในส่วนเนื้อหาอีก ดังนั้น คิดว่าต้องรีบเร่งพิจารณาตัวร่าง ให้ผ่านสภาฯโดยเร็ว และคิดว่าไม่น่ามีเหตุผลอันใด ที่สภาฯ จะโหวตไม่รับ หรือไม่ผ่านหลักการของร่างรายงาน ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศว่าจะไม่รับร่างรายงานดังกล่าว
 เมื่อถามว่าจะผ่านหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ร่างฉบับนี้เป็นเพียงทางเลือก ซึ่งคิดว่าสิ่งที่สภาฯทำได้ คือการเปิดทางเลือกที่เป็นไปได้ที่สุดให้สังคม ส่วนการตัดสินใจว่าร่างกฎหมายจะทำถึงขั้นไหน ซึ่งเป็นกระบวนการหนึ่งที่จะเสนอเข้าสู่สภาฯ ฉะนั้น ในชั้นของเล่มรายงาน ยํ้าว่ายังไม่เห็นเหตุผล หรือความจำเป็นใดๆ ที่สภาฯ จะไม่ผ่านเล่มรายงานดังกล่าว

 ส่วนหลายพรรคการเมืองกังวลถึงการนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 ด้วย นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะมาตรา 112 หรือเรื่องใดก็ตาม ต้องยอมรับข้อเท็จจริง ว่าที่ผ่านมามีกลุ่มผู้ชุมนุมหรือผู้ที่ถูกดำเนินคดี และได้รับผลกระทบจากคดีทางการเมือง ซึ่งเล่มรายงานศึกษาฉบับนี้ เป็นการรายงานตามข้อเท็จจริง และเราปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นคดีใดก็ตาม รวมถึงคดี ม.112 ล้วนเป็นข้อเท็จจริงตามประวัติศาสตร์ ที่มีผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินคดีดังกล่าว ฉะนั้น การปฏิเสธเล่มรายงานฉบับนี้ ก็อาจเป็นการปฏิเสธข้อเท็จจริงตามประวัติศาสตร์เช่นกัน
 เมื่อถามว่าหากร่างรายงานถูกควํ่า ทางพรรคประชาชนจะมีมาตราการต่อไปอย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เราก็ดำเนินการในสิ่งที่ทำมาตลอด รวมถึงการผลักดันกฎหมาย และในฐานะฝ่ายปัจจุบัน เราคงทำทุกอย่างในกระบวนการนิติบัญญัติอย่างเต็มที่ ส่วนกฎหมายจะผ่านหรือไม่ ก็อยู่ที่ฝั่งรัฐบาลด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม พรรคประชาชนคงผลักดันเรื่องนี้ต่อไป

 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอยเวนชั่น เขตหลักสี่ กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยส่งสัญญาณให้หัวหน้าพรรคการเมืองที่มีความเกี่ยวข้องกับสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ช่วยคุยในประเด็นการทำประชามติ จาก 2 ชั้น เหลือชั้นเดียว โดยมีการระบุถึงชื่อพรรคภูมิใจไทยด้วยว่า พรรคภูมิใจไทยได้มีการลงมติเมื่อสัปดาห์ก่อน ค่อนข้างชัดเจนว่า เรื่องของประชามติ พรรคภูมิใจไทยยังเชื่อว่าเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ และประชาชน ในการที่จะมีดับเบิ้ลล็อคก็จะมีความรอบคอบมากกว่า พร้อมยืนยันว่าได้มีการแสดงท่าทีที่ชัดเจนไปแล้ว

 เมื่อถามว่าไม่กังวลว่ารัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล จะมองว่าเป็นเด็กดื้อใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ใช่เด็กดื้อ แต่เป็นการรักษาประโยชน์ของพี่น้องประชาชน จะเป็นความดื้อได้อย่างไร เพราะมันเป็นหน้าที่ และเป็นสิ่งที่เราเชื่อเช่นนั้น เพราะการออกไปทำประชามติ หากมีบางประเด็นที่ประชาชนออกมาลงคะแนนไม่เยอะ และใช้เสียงกึ่งหนึ่งในการกำหนดทิศทางของประเทศ ตนคิดว่าคงจะมีการรอบคอบให้มากที่สุด

 เมื่อถามว่าการยืนยันตามหลักการหรือการส่งมีสัญญาณจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราเชื่อหลักการของเราแบบนี้ ว่าประเด็นประชามติควรเป็นเช่นนี้
 
เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันจะไม่เปลี่ยนใช่หรือไม่ นายอนุทิน ยืนยันว่า ก็ได้แสดงท่าทีชัดเจนแล้ว  โดยตนไม่อยากใช้คำว่ายืนยัน หรือไม่ยืนยัน ตนมองว่าการที่มาพูดว่าหัวหน้าพรรคมีความสัมพันธ์กับ สว. ตนมองว่า หัวหน้าทุกพรรคก็มีความสัมพันธ์กับสว. เพราะรู้จักกันหมด ไม่ควรกล่าวในลักษณะชี้นำหรือทำให้ประชาชนสับสน พร้อมย้ำว่าสส. ก็ทำหน้าที่ของสส. รัฐบาลก็ทำหน้าที่ของรัฐบาลสว. การก้าวก่ายซึ่งกันและกันเป็นข้อห้าม ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
 
ยืนยันว่าผมไม่ติดใจ เพราะเป็นการแสดงความเห็นของสส. คนหนึ่ง ซึ่งเราก็ต้องรับฟัง รวมถึงความเห็นของเรา คนอื่นก็ต้องฟังด้วย ซึ่งถือเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน และมาใช้เวทีของรัฐสภาเป็นตัวกำหนด นายอนุทิน กล่าว