ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า สหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ (สสธวท) โดย คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ประธานสหพันธ์ฯ  ร่วมกับ พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพ       มหานคร, นายอู๋ จื้ออู่ อัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย, นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานหอการค้าไทย-จีน จัดงานแถลงข่าว ความคืบหน้าการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 

โดยมี นางจรรย์สมร วัธนเวคิน ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการก่อสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ, พ.ต.อ.มนูญ วงศาโรจน์ ประธานคณะอนุกรรมการดำเนินการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ,นางสาวฐิตินันท์ วัธนเวคิน รองประธาน มูลนิธิเกียรติร่วมมิตรเพื่อการศึกษา, ดร.เศรษฐพงศ์ จงสงวน  รองประธานคณะอนุกรรมการดำเนินการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ, ดร.ทิพย์นารี อมาตยกุล  นายกสมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร, นางนฤมล ดุรงค์เดช นายกสมาคมสตรีสัมพันธ์ และ นางอุไร คุณานันทกุล รองประธานสภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชนในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีฯ เข้าร่วมงานในครั้งนี้

ทั้งนี้ คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ประธานสหพันธ์ฯ กล่าวว่าสืบเนื่องจากการจัดงานกาล่าดินเนอร์เฉลิมพระเกียรติฯ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา สำเร็จลุล่วงไปอย่างงดงาม ซึ่งในเวลาต่อมายังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คณะกรรมการจัดงานกาล่าดินเนอร์เฉลิมพระเกียรติฯ “เบญจกตัญญุตา” ภายใต้โครงการ “สสธวท รวมในเทิดเอกลักษณ์แห่งปัญจมังกร จารึกความกตัญญูต่อแผ่นดิน” และคณะกรรมการอำนวยการโครงการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าถวายเงินเพื่อเป็นทุนประเดิมการก่อสร้าง และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินทุนประเดิมแก่คณะกรรมการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติและขอพระบรมราชวินิจฉัย ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวัง ยังความปลื้มปีติแก่คณะกรรมการจัดงานกาล่าดินเนอร์เฉลิมพระเกียรติฯ จึงมีปณิธานที่แน่วแน่ที่จะเชิญชวนให้ชาวไทย ทุกหมู่เหล่า มีบทบาทในโครงการจัดสร้างถาวรวัตถุ “ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา” 2 แลนด์มาร์คใหม่ บนถนนเจริญกรุง

 

โมเดลซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯสะพานดำรงสถิต

สำหรับโครงการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา สัญลักษณ์แห่งความกตัญญู และความจงรักภักดีของชาวไทยเชื้อสายจีนที่มีพระมหากษัตริย์ไทยมาอย่างยาวนานตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน มีแนวคิดเอกลักษณ์ 5 ประการ ดังนี้ 1.พระมหากษัตริย์ทรงได้รับการสดุดีเป็นมังกรแห่งมวลมนุษย์ 2.นักษัตรประจำปีพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 3.ปีพุทธศักราช 2567 เป็นปีนักษัตรปีมังกร ตามสุริยคติ 4.วัดเล่งเน่ยยี่ หรือ วัดมังกรกมลาวาส เป็นหนึ่งในศูนย์รวมพุทธศาสนิกชน 5.ถนนเจริญกรุงได้ชื่อว่า ถนนสายมังกร ที่สำคัญยังได้รับเมตตาจาก พระคณาจารย์จีน ธรรมวชิรานุวัตร (เย็นงี้) เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส มอบแนวคิดการออกแบบการก่อสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ เป็นรูปแบบซุ้มประตูตามแบบพระราชนิยมของราชวงศ์จีนตอนเหนือ โดยบางส่วนจะเป็นลายไทยออกแบบให้ผสมผสานและ  แสดงเอกลักษณ์ความเป็นไทยโดยกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และเนื่องในโอกาสความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ครบรอบ 50 ปี ในปีพุทธศักราช 2568 สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ได้ขอทูลเกล้าฯ ถวายหินฮั่นไป๋หวี่ (หินอ่อนหยกสีขาว) แกะสลักรูปช้าง สิงโต และกลอง เพื่อประดิษฐานที่เสาซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ ด้วย

ด้าน พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงภารกิจสนับสนุนการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ ว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่มีโครงการดีๆ อย่างการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนพื้นที่ถนนเจริญกรุงซึ่งเป็นถนนสายแรกในกรุงเทพฯ ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างเรื่องการกำหนดจุดสร้างซุ้มประตู ซึ่งท่านเจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส เน้นย้ำว่าการสร้างซุ้มประตูที่สมบูรณ์แบบต้องมีทั้งหัวและท้ายมังกร จึงได้ข้อสรุปว่า จุดแรกหัวมังกรอยู่ที่สะพานดำรงสถิต ต่อไปนี้จะเรียกได้ว่าเป็น ประตูไชน่าเกตอันยิ่งใหญ่รอต้อนรับนักท่องเที่ยวเข้าสู่ย่านไซน่าทาวน์ของประเทศไทย และจุดที่สองท้ายมังกรอยู่ที่บริเวณห้าแยกหมอมี ทั้งนี้ต้องขอบคุณการสนับสนุนจากทุกฝ่ายทั้งกระทรวง มหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กรมศิลปากร สำนักงานโยธา ภาคเอกชน รวมถึงประชาชนในพื้นที่ จนเข้าสู่ขั้นตอนการก่อสร้างในตอนนี้

ส่วน นายอู๋ จื้ออู่ อัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย  กล่าวว่า ทันทีที่ทางสถานทูตจีน ในนามรัฐบาลจีน ทราบว่าประชาชาวไทย และคนไทยเชื้อสายจีน มีโครงการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงสนับสนุนและทรงมีคุโณปการอันใหญ่หลวง ในการกระชับความสัมพันธ์ไทยและจีนมาโดยตลอด ทางสถานทูตจีนจึงขอมีส่วนร่วมในการจัดสร้างถาวรวัตถุที่แสดงถึงสัญลักษณ์อันยิ่งใหญ่นี้ ด้วยการส่งหินแกะสลักรูปกลอง 4 คู่ ช้างแบบไทย สิงโตแบบจีนโบราณ จากหินชนิดพิเศษสีขาว ผลงานช่างแกะสลักโบราณระดับชาติ สำหรับใช้ประกอบฐานของซุ้มประตูทั้งสองแห่ง คาดว่าจะเสร็จทันส่งมอบก่อนวันตรุษจีนปีหน้า นอกจากเพื่อเทิดพระเกียรติในหลวงแล้วยังเป็นการร่วมเฉลิมฉลอง 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หินแกะสลักที่ร่วมจัดสร้างในครั้งนี้จะที่มีความหมายเชิงประวัติศาสตร์ ยังเป็นสัญลักษณ์เชิงมิตรภาพระหว่างจีน-ไทย และขอให้มิตรภาพของทั้งสองประเทศสถิตย์สถาพรชั่วกาลนาน

โมเดลซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯสะพานดำรงสถิต

ขณะที่ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะตัวแทนภาคธุรกิจไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งถือเป็นองค์กรภาคเอกชนไทย ที่มีเครือข่ายทั่วประเทศกว่า 156,000๐ ราย ประกอบด้วย หอการค้าทุกจังหวัด สมาคมการค้า หอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงได้ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการจัดสร้างโครงการซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติยศ แสดงออกถึงความจงรักภักดี ความกตัญญูต่อพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นศูนย์รวมใจของคนไทยทั้งชาติ และเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่นคง ร่มเย็น ภายใต้ร่ระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และขอเชิญชวนประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ได้ร่วมกันเฉลิมฉลองในวาระพิเศษครั้งนี้ เพื่อเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่สำคัญของชาติไทยสืบไป

พร้อมกันนี้ นายณรงค์ศักดิ์  พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน  กล่าวเสริมว่า หอการค้าไทย-จีนก่อตั้งมาเป็นเวลา 114 ปี  โดยกลุ่มพ่อค้าชาวจีนโพ้นทะเลที่อพยพถิ่นฐานเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร และมีบทบาทในฐานะสะพานเชื่อมความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างประเทศไทยและจีนในทุกมิติ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ หอการค้าไทย-จีน สมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย และ สหสมาคมตระกูลแซ่แห่งประเทศไทย จึงเป็นที่รวมของนักธุรกิจไทยเชื้อสายจีน  ชาวจีนโพ้นทะเล และนักธุรกิจชาวจีน ที่เข้ามาประกอบธุรกิจ การค้า การลงทุนในประเทศไทย  ซึ่งต่างน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งหลาย และเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 นี้  หอการค้าไทย-จีน  และชาวไทยเชื้อสายจีนทั่วประเทศ  ต่างมีความปลื้มปีติ ยินดี เป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีส่วนร่วม “จัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา 28กรกฎาคม 2567”  ซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์แห่งความกตัญญูต่อแผ่นดิน ปรากฏชั่วลูกชั่วหลาน สืบต่อไป

อีกทั้ง พ.ต.อ.มนูญ วงศาโรจน์ ประธานคณะอนุกรรมการดำเนินการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ กล่าวรายงานถึงความคืบหน้าการก่อสร้างว่า ภายหลังจากที่ได้รับการอนุญาตครบถ้วนตามระเบียบราชการ จากหน่วยงานต่างๆ เราเริ่มลงมือทำงานจนถึงวันนี้ โดยเน้นการก่อสร้างที่โรงงานแล้วนำมาติดตั้งที่หน้างาน จึงสามารถเดินหน้าไปอย่างรวดเร็วและมีความมั่นคงแข็งแรง จึงมั่นใจว่าซุ้มประตูหมอมีจะเสร็จสิ้นเรียบร้อยไม่เกินวันที่ 15 พ.ย. ส่วนซุ้มประตูที่สะพานดำรงสถิตมีขั้นตอนที่ซับซ้อนเล็กน้อย คาดว่าจะเสร็จสิ้นเรียบร้อยไม่เกินวันที่ 30 พ.ย.นี้

โมเดลซุ้มประตูห้าแยกหมอมี

อย่างไรก็ตาม ดร.เศรษฐพงศ์ จงสงวน รองประธานคณะอนุกรรมการดำเนินการจัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ   กล่าวถึงรายละเอียดสถาปัตยกรรมและรูปแบบความหมายของซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ ว่าเป็นศิลปะแบบจีนภาคเหนือ โดยซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ “ฐานเสา” มีสีแดงประดับด้วยลวดลายมังกรสมัยราชวงศ์หมิงและชิง ตามความเชื่อว่าเป็นสัตว์มงคล จำนวน 1 คู่ ตั้งอยู่บนทางเท้าทั้งสองฝั่งของถนนเจริญกรุง “หลังคา” สีเหลืองสามชั้น โดยตรงกึ่งกลางของหลังคาชั้นบนสุด ประดิษฐานตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567  ด้านข้างซ้ายและขวาประดับด้วยมังกรปูนปั้นระบายสี หันหน้าเข้าหาตราสัญลักษณ์ฯ สื่อถึง พสกนิกรชาวไทยเชื้อสายจีน ต่างน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณขององค์พระมหากษัตริย์ ที่ทรงปกเกล้าปกกระหม่อมให้ร่มเย็นเป็นสุขภายใต้พระบรมโพธิสมภาร ส่วน “ฐานซุ้ม” เป็นฐานปัทม์แบบศิลปะไทย ออกแบบโดยกรมศิลปากร ด้านบนประดับด้วย ประติมากรรมกลองหินแกะสลัก ถัดมาด้านหน้าและด้านหลังของซุ้ม ประดับด้วยประติมากรรมช้างกับสิงโตแกะสลัก โดยทั้งหมดนี้ทำจากหินอ่อนขาวจากประเทศจีน สนับสนุนโดยสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทสไทย ทั้งนี้ ทุกขั้นตอนการก่อสร้างใช้วิธีเตรียมวัสดุก่อสร้างทั้งหมดจากโรงงาน แล้วขนส่งมาประกอบยังสถานที่ก่อสร้าง และตกแต่งศิลปกรรมต่างๆ เพิ่มเติม จนแล้วเสร็จ