ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นางสาวศิริพร แผลงจันทึก Country General Manager บริษัท ป๊อป มาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ภายใต้การบริหารจัดการโดย POP MART INTERNATIONAL ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาร์ตทอยส์ รายใหญ่ระดับโลก จัดงาน “1st ANNIVERSARY EVENT AND NEW POP-UP STORE OPENING” เพื่อเฉลิมฉลอง ครบรอบ 1 ปี POP MART THAILAND พร้อมเปิดตัว POP MART POP UP STORE @ SIAM SQUARE ในรูปแบบ VERTICAL กับคอนเซ็ปต์ POP ARCADE แห่งแรกในโลก บนพื้นที่รวมทั้งตึกและบริเวณลานอีเว้นท์กว่า 1,300 ตารางเมตร ณ สยามสแควร์ ซอย 7 โดยภายในงานทุกท่านจะได้สัมผัสกับ IP (Intellectual Property) ที่เป็น Top คาแรคเตอร์ของ POP MART มากมาย พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมหลากหลาย ตั้งแต่วันที่ 4 – 9 ตุลาคม 2567
ทั้งนี้ นางสาวศิริพร กล่าวว่า POP MART POP UP STORE @ SIAM SQUARE บนพื้นที่รวมทั้งตึกกว่า 800 ตารางเมตร แห่งแรกในโลกเริ่มเฟสแรก 2 ชั้น ในพื้นที่ POP UP กว่า 400 ตารางเมตร ซึ่งใหญ่ที่สุดในเวลานี้ ให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่กับอาร์ตทอยส์อย่างเต็มอิ่มและดื่มด่ำไปกับการเลือกดูสินค้า โดยทุกโซนจะมีการจัดเรียงสินค้าที่บอกเล่าเรื่องราวของ IP (Intellectual Property) อย่างลึกซึ้ง
"การเปิดสาขา หรือ POP UP ทุกที่มีความท้าทายที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับขนาดและโลเคชั่น โดยต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อให้เป็นที่รักของแฟน ๆ ในละแวกนั้น ๆ ซึ่งทำอย่างไรให้มีสินค้าที่ไม่เหมือนที่อื่นมาให้แฟนๆ ได้ อย่างที่สยามสแควร์นี้มีความภูมิใจเป็นอย่างมาก ที่ Head Quarter ให้โอกาสประเทศไทย โดยเลือกสยามสแควร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์กลุ่มวัยรุ่นและคนหนุ่มสาวที่ชื่นชอบความทันสมัยและสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมที่นักเรียน นักศึกษา และ วัยทำงานมาใช้เวลาว่างร่วมกัน โดยตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า สะดวกต่อการเดินทาง และเข้าถึงได้ง่ายทั้งจากคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว"นางสาวศิริพร กล่าว
โดยในการเฉลิมฉลองนี้ POP MART ได้ศิลปินมาช่วยออกแบบคอลเล็คชั่น Thailand Limited ถึง 3 คอลเล็คชั่น คือ CRYBABY HELLO THAILAND SERIES ซึ่งเรารอคอยมาเป็นเวลาถึง 1 ปีเต็มที่จะได้มีคอลเล็คชั่นนี้มอบให้กับแฟน ๆ ชาวไทย เป็นของขวัญที่เราตั้งใจและมีความภูมิใจเป็นอย่างมาก เป็นคาแรคเตอร์ CRYBABY ในชุดไทย ขี่ช้างห่มสไบ ที่มีความเป็นไทยในแบบน่ารักและทันสมัย ซึ่งสินค้าในคอลเล็คชันนี้จะมีขายที่ไทยเป็นที่แรก โดยได้วางจำหน่ายแล้วเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเร็ว ๆ นี้จะสินค้าใหม่ในซีรีย์นี้ตามมาอีก รวมถึง คอลเล็คชั่น Thailand Limited อีก 2 คอลเล็คชั่นที่เชื่อว่าทุกคนจะต้องอยากเป็นเจ้าของมาก คือ CRYBABY I call the short ซึ่งผิวของ CRYBABY จะเป็นสีเข้มเหมือนโดนแดดประเทศไทย และ MEGA CRYBABY 400% The Missing Tail ซึ่งก็จะมีขายที่ประเทศไทยที่แรกและที่เดียวอีกด้วย
อีกทั้งภายในงานจะได้พบกับคาแรคเตอร์ ซึ่งที่เรียกว่า IP (Intellectual Property) ที่เป็น Top คาแรคเตอร์ รวมถึง New Comer ทั้งหมด อาทิ LABUBU (ลาบูบู้), CRYBABY (ครายเบบี้), MOLLY (มอลลี่), Hirono (ฮิโรโนะ), DIMOO (ดีโม่), SKULLPANDA (สคัลแพนด้า), PUCKY (ปั๊กกี้), SWEET BEAN (สวีท บีน), PINO JELLY (พิโน เจลลี่) และ ZSIGA (ซิกก้า) นับเป็นการรวมคอลเล็คชั่นที่สุดของกระแสอาร์ตทอย
ซึ่งเทรนด์การขยายตัวของตลาดอาร์ตทอยส์ในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ดูได้จากการที่มีคู่แข่งเข้ามาในไทยมากขึ้น ทั้งจากในประเทศและจากต่างประเทศ ซึ่งเมืองไทยในตอนนี้น่าจะเป็นตลาดที่ตื่นตัวที่สุดใน Southeast Asia เพราะช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีอีเว้นท์เกี่ยวกับอาร์ตทอยส์แทบทุกเดือน รวมทั้งมีกิจกรรมส่งเสริมการขายที่มีอาร์ตทอยส์ไปร่วมกิจกรรมด้วย ไม่ว่าจะซื้อรถ ซื้อบ้าน ซื้อคอนโด ก็แถมอาร์ตทอยส์ และตอนนี้ยังมีการขยายไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ
ล่าสุด Samsung ได้จับมือกับ CRYBABY ออก Accessories สำหรับมือถือ Samsung รุ่น Galaxy Z Flip6 หรือ Vans Hirono และ Uniqlo x DIMOO โดยจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่คอนเฟิร์มได้ว่าเทรนด์การขยายตัวของตลาดอาร์ตทอยส์ในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และรวดเร็ว
ดังนั้นอีกหนึ่งจุดแข็งของ POP MART คือ ไม่ได้เป็นบริษัทที่ผลิตเพียงกล่องสุ่มหรืออาร์ตทอยส์เท่านั้น แต่ยังเป็น Entertainment Company เพราะนอกจากรีเทลสโตร์แล้วยังทำงานร่วมกับศิลปินมากมาย รวมถึงการมี POP MART DESIGN CENTER (PDC) ที่สามารถดีไซน์คาแรคเตอร์ต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง เพื่อความพร้อมในการสนับสนุนศิลปินหน้าใหม่อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ POP MART เปิดตัวมาแล้ว 14 ปีทั่วโลก โดยมี “หวังนิน” เป็นผู้ก่อตั้งและซีอีโอ POP MART International Group ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติของญี่ปุ่นที่สุ่มสินค้าออกมา ทำให้เกิดไอเดียพัฒนา ‘กล่องจุ่ม’ หรือ ‘กล่องสุ่ม’ ขึ้นมาขายในเวลาต่อมา ของเล่นในรูปแบบกล่องจุ่ม สิ่งสำคัญที่ต้องมีคือ ‘ตัวละคร’ ที่จะช่วยดึงกลุ่มลูกค้าที่ไม่ใช่แค่เด็กอย่างเดียว แต่กลับเป็นทุกเพศทุกวัยได้ เขาจึงได้เริ่มหาพาร์ทเนอร์สำคัญในธุรกิจของเล่นนั่นก็คือ ‘นักออกแบบ-ศิลปิน’ ที่จะมาช่วยสร้างสรรค์ของเล่นให้ออกมาน่าสนใจ
โดยนับตั้งแต่เปิดกิจการมา POP MART มีกลุ่มลูกค้าหลักที่แบ่งลูกค้าตามไลฟ์สไตล์ แต่หลัก ๆ คือต้องชอบการสะสม หรือบางคนอาจจะใช้อาร์ตทอยส์เป็นเครื่องฮีลใจในรูปแบบต่าง ๆ อีกทั้งยังขยายไปยังประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ฮ่องกง สิงคโปร์ หรืออื่น ๆ มากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก