'อนุทิน'วอนอย่าสาละวนปมแก้รัฐธรรมนูญ ยังไง 'รัฐบาลแพทองธาร' ก็ไม่มีแตก ยันไม่มีใครถอย ไม่มีใครรุกแตะหมวดจริยธรรม ไม่มีกลับลำ “ภูมิธรรม" โยนแก้รธน.เป็นเรื่องของสภา ยกเลิกคุยพรรคร่วมฯ 1 ต.ค. แล้ว ด้าน'เด็จพี่'กัดไม่ปล่อย ร้อง”วันนอร์” ปม”ลุงป้อม”ลาประชุมสภา ส่อเข้าข่ายจงใจขาดประชุมอ้างลาเป็นฉากบังหน้า เล็งชง “ปปช.” สอบต่อ พร้อมตะเพิดลาออกจากส.ส.
เมื่อวันที่ 25 ก.ย.67 นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ชี้แจงกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าพรรคภูมิใจไทยกลับลำเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปมมาตรฐานจริยธรรม ว่า ไม่มีข้อเท็จจริงอะไร ไม่มีการกลับลำ เรามีเจตนารมณ์อยู่แล้วว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญดูตามกฎหมายและบทบัญญัติ และต้องเน้นแก้ไขเพื่อประเทศชาติและประชาชน ซึ่งเรายังอยู่ในกฎเกณฑ์นั้นอยู่ และได้มีการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล นายกรัฐมนตรีได้มาหารือด้วยในฐานะหัวหน้าพรรคแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีย้ำว่าตอนนี้ต้องไปดูแล ผู้ประสบภัยก่อน ส่วนเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญค่อยมาหารือกันใหม่ยังมีเวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่มีการวิเคราะห์ว่าพรรคเพื่อไทยถอยเพราะพรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วย นายอนุทินกล่าวยืนยันว่า ไม่มีใครถอย ไม่มีใครรุก แต่ยังไม่ถึงเวลา รัฐบาลเพิ่งเข้ามาทำงาน 2 สัปดาห์ การจัดความสำคัญแรกไม่ใช่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปมจริยธรรม ซึ่งตนยืนยันและทุกคนเห็นพ้องต้องกันหมด เพราะอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ทุกคนต้องเห็นพ้องต้องกันหมด ยังมั่นใจและเชื่อมั่นว่าความเห็นเจตนารมณ์ของพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ยังมีเป้าหมายเดียวกันอยู่
เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึงฝ่ายการเมืองที่สาละวนว่าพรรคภูมิใจไทยมองแต่เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ต้องสาละวน ยังไงก็ไม่แตกกัน ร่วมรัฐบาลกันมากว่า 1 ปี สนับสนุนเกื้อกูลกันมาโดยตลอด นโยบายของพรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาลก็สนับสนุนทุกพรรค ส่วนนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล ก็สนับสนุนซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี เมื่อวานมีการประชุมคณะรัฐมนตรี ก็ผลักดันนโยบาย ไม่มีเรื่องความขัดแย้ง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยถอยการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ประเด็นกรอบจริยธรรม ว่า เรื่องนี้จบแล้ว ไม่มีอะไร เมื่อถามว่า ร่างที่เสนอแก้ไขรายมาตราไปแล้วก่อนหน้านี้ ต้องถอนออกมาก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า หลังจากนี้ค่อยคุยกัน ตอนนี้ยังไม่คุย
เมื่อถามว่า หมายความว่าจะรอแก้ทั้งฉบับทีเดียวใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่คุยกัน เดี๋ยวค่อยหารือกัน เราต้องให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาล เรื่องนี้เดินหน้าในสภาอยู่แล้ว ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการทำประชามติ ซึ่งกระบวนการเดินไปอยู่แล้ว เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทางสภาทำอยู่แล้ว ทุกพรรคการเมืองก็อยู่ในสภา เพราะฉะนั้นกระบวนการก็เดินหน้าไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่กำหนดว่าจะคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 1 ต.ค.นี้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มีแล้ว ให้ยุติก่อน ทุกคนไปทำงานอื่น ส่วนสภาก็เดินหน้าของตัวเองไป เมื่อถามว่า แสดงว่าวันนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เรื่องจริยธรรม ยังไม่ปิดประตูตายใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้คิดอะไร จะปิดหรือไม่ เดี๋ยวค่อยว่ากัน เอาเรื่องของประชาชนก่อน วันนี้ เราต้องห่วงประชาชน เพราะกำลังลำบาก อย่าไปสนใจเรื่องอื่น ที่ไม่ใช่ของประชาชน
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา พรรคมีความเห็นอย่างไร ว่า ต้องยึดตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่า ความเดือดร้อนของประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ ที่มีสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ เป็นสิ่งที่ถูกต้องและพรรคร่วมรัฐบาลเห็นตรงกันว่าต้องให้ความสำคัญในการช่วยเหลือประชาชน เพื่อให้การใช้ชีวิตประจำวันกลับมาเป็นปกติ
เมื่อถามว่า เป็นเพราะประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา มีกระแสตีกลับใช่หรือไม่ นายวรวุธ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมาคุยกันก่อน เพราะพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่ทราบรายละเอียด แต่เมื่อมีเหตุอุทกภัยทางภาคเหนือและภาคใต้คงไม่มีใครกะจิตกะใจมาคุยเรื่องรัฐธรรมนูญ เพราะต้องแก้ความปลอดภัยของประชาชนก่อน ส่วนจะรอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับคราวเดียวเลยหรือไม่นั้นก็เป็นเป้าหมายของเราตั้งแต่แรก เมื่อสถานการณ์คลี่คลายคงจะได้มาพูดคุยกัน ตอนนี้ยังคุยอะไรกันไม่ได้ เพราะต่างคนต่างลงพื้นที่
วันเดียวกัน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือพร้อมหลักฐานให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อสอบจริยธรรม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กรณีไม่มาประชุมสภา โดย นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า การมายื่นขอให้ตรวจสอบวันลา มาขาดของพล.อ.ประวิตรไม่ได้มีอคติ หรือมีเจตนาจะใส่ร้ายป้ายสี แต่พฤติกรรมเช่นนี้ถือว่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติหน้าที่สส. ซึ่งกินเงินเดือนจากภาษีประชาชน จึงขอใช้สิทธิตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 40(2)ออกมาปกป้องผลประโยชน์ของรัฐยื่นตรวจสอบการทำหน้าที่สส.ของพล.อ.ประวิตรว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับของสภา รวมถึงการปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
จากข้อมูลวันลา มา ขาดในการเข้าประชุมสภาที่ได้มาจากสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.66 จนถึงปัจจุบัน พบว่าพล.อ.ประวิตรลงชื่อมาประชุมโดยใช้บัตรลงทะเบียน 11 ครั้ง ลาป่วย 1 ครั้ง ลากิจ 83 ครั้ง รวมวันขาดประชุมโดยน่าจะใช้การลาเป็นฉากบังหน้าทั้งหมด 84 ครั้ง จากวันประชุมรวม 95 ครั้ง ที่สำคัญมีอยู่หนึ่งสมัยประชุม พล.อ.ประวิตรลาทั้งสมัยประชุมฯครบ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยอ้างเหตุผลติดภารกิจ ซึ่งการลาแบบนี้น่าจะถือเป็นการลาที่น่าจะมีเจตนาพิเศษ น่าจะเป็นการจงใจขาดประชุมโดยใช้การลาเป็นฉากบังหน้า และน่าจะมีการใช้อำนาจแทรกแซงเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อดำเนินการอย่างเป็นระบบ เป็นการกระทำที่ขัดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ว่าสส.จะขาดประชุมได้ไม่เกิน 1 ใน 4 ของจำนวนวันประชุมในสมัยประชุมและข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสส.ที่ระบุว่าสส.ต้องอุทิศเวลาให้กับการประชุม ต้องไม่ขาดการประชุมโดยไม่จำเป็น เว้นแต่เจ็บป่วยหรือมีเหตุสุดวิสัย
"ผมพบข้อมูลว่าในวันที่พล.อ.ประวิตรแจ้งลาติดภารกิจ ไม่เข้าประชุมสภา บางวันก็ไปนั่งเชียร์วอลเลย์บอลผ่านออนไลน์จริงหรือไม่ เปิดบ้านป่ารอยต่อให้คนไปอวยพรวันเกิดจริงหรือไม่ ผมขอถามหน่อยว่าอวยพรตอนกลางคืนไม่ได้หรือ และอีกหลายๆ วันก็พบว่าลาเพื่อไปประชุมพรรคแบบนี้เขาเรียกว่าเหตุสุดวิสัยหรือไม่ ที่สำคัญการขาดประชุมโดยใช้การลาน่าจะเป็นฉากบังหน้า ลาติดต่อกันทั้งสมัยประชุมฯ ถือได้ว่าพล.อ.ประวิตรขาดสมาชิกภาพการเป็นสส.แล้ว ผมหวังว่ากรรมการจริยธรรมฯจะตรวจสอบเรื่องนี้แบบตรงไปตรงมา ไม่ช่วยเหลือให้พ้นผิดจนเสียเกียรติภูมิของสภาฯ"
นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า ยิ่งในวันที่ลงชื่อมาประชุม ยิ่งน่าสงสัย เพราะจากการตรวจสอบกับเพื่อน สส.หลายคน รวมถึงคนระดับประธานวิปรัฐบาล พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยเห็นพล.อ.ประวิตร มาอยู่ในห้องประชุมเลย แต่กลับมีคนเห็นลับๆล่อๆที่ห้องหลังบัลลังก์ประธานสภาในบางครั้ง
“ผมทราบจากแหล่งข่าวว่าการมาประชุมสภาของพล.อ.ประวิตรเป็นเหมือนเหยี่ยวคือ โฉบรถมาเซ็นชื่อชนิดที่ไม่ต้องลงจากรถจริงหรือไม่ แถมมีคนเอาบัตรประจำตัว สส.ไปสแกนให้จริงหรือไม่ ซึ่งผมขอตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ก็อาจจะเป็นสส.คนใดคนหนึ่งเพราะในจุดที่สแกนบัตร คนนอกไม่สามารถเข้าไปได้เข้าข่ายความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 ซึ่งผมจะไปยื่นเรื่องขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ช่วยตรวจสอบ ค้นหาความจริงเรื่องนี้ในวันศุกร์นี้ ทั้งนี้ ผมสงสัยว่าน่าจะมีการเอาบัตรไปแตะแทนกันหรือไม่ ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติ และเรื่องนี้เทียบเคียงกับกรณีที่กดบัตรแทนกัน โดยมี อดีต สส.ถูกดำเนินคดีและติดคุกไปแล้ว”
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ระบุไม่มีอะไรมาตรวจ พวกตนเป็นยามเฝ้าสภาหรืออย่างไรถึงมาตรวจสอบการทำหน้าที่ของพล.อ.ประวิตร ซึ่งไม่ได้เป็นยาม เพราะสภามีระบบในการตรวจสอบอยู่แล้ว ตนขอเรียกร้องและวิงวอน ถ้าลาแบบนี้ ลาโดยใช้วิธีพิเศษที่น่าจะไม่เป็นวิธีการปกติทางกฎหมาย “ลาออกเถอะ” ลาออกจากความเป็นส.ส. แล้วเลื่อนคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในลำดับถัดไปให้มาทำหน้าที่ เพื่อให้ฝ่ายนิติบัญญัติสง่างาม