เคราะห์ซ้ำกรรมซัดสร้างความระทึกขวัญแก่ผู้คนกันโดยแท้

สำหรับ ชะตากรรมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ตกเป็นเป้ากระสุนสังหารซ้ำสอง ภายในระยะเวลาห่างกันเพียง 2 เดือนเท่านั้น

โดยเหตุพยายามลอบสังหารในครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เขาถูกชายคนร้าย ทราบชื่อภายหลังว่า นายโทมัส แมทธิว ครุกส์ อายุเพียง 20 ปีเท่านั้น ก่อเหตุโดยใช้อาวุธปืนยาวแบบไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ ลอบยิงอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ขณะกำลังปราศรัยหาเสียงที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย

เหตุลอบสังหารครั้งกระนั้น ทำให้อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ได้รับบาดเจ็บที่ใบหูจากคมกระสุน

อย่างไรก็ตาม ได้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าว 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 ราย ส่วนมือปืนที่ก่อเหตุถูกเจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาบุคคลสำคัญ หรือที่บางคนเรียกว่า ตำรวจลับของสหรัฐฯ (US Secret Service) ยิงวิสามัญฆาตกรรมเสียชีวิตไปในที่สุด

คล้อยหลังมาจากนั้นได้ราว 2 เดือน อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ก็ตกเป็นเป้ากระสุนปืนลอบสังหารกันอีกคำรบ

โดยเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นสนามกอล์ฟ “ทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล กอล์ฟ คลับ” ซึ่งเป็นสนามกอล์ฟของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ในเมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. ของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตามวันเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังพักผ่อนหย่อนใจด้วยการตีกอล์ฟที่สนามดังกล่าว

ภายหลังจากเจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาบุคคลสำคัญ ได้รับแจ้งว่า ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจากบริเวณด้านสนามกอล์ฟของนายทรัมป์ ในเมืองเวสต์ปาล์มบีช ในช่วงเวลาดังกล่าว ส่งผลให้เจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาฯ รีบรุดยังจุดที่ได้ยินเสียงปืน พร้อมกับแจ้งตำรวจในพื้นที่ให้เร่งปิดพื้นที่ เพื่อเข้าไปตรวจสอบ

ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ทางเจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาบุคคลสำคัญ ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้แก่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์อยู่นั้น ได้ใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ด้วย

ภาพถ่ายซึ่งถูกระบุว่า เป็นอาวุธปืนยาวแบบเอเค-47 หรืออาก้า และอุปกรณ์อื่นๆ ของคนร้ายที่ถูกพบบริเวณรั้วด้านนอกของสนามกอลฟ์ที่เกิดเหตุ (Photo : AFP)

เมื่อเจ้าหน้าที่ฯ ไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ ได้พบอาวุธปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติแบบเอเค-47 หรืออาก้า พร้อมด้วยลำกล้องเล็งระยะไกล กล้องแบบโกโปร ตลอดจนกระเป๋าเป้สะพายอีก 2 ใบ ซุกซ่อนอยู่ในพงไม้ริมสนามกอล์ฟ ซึ่งจุดดังกล่าว อยู่ไม่ไกลจากหลุมกอล์ฟหลุมต่อไปที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์กำลังจะตี แต่โชคดีที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่ได้รับบาดเจ็บ หรือเป็นอันตรายใดๆ จากการถูกพยายามลอบสังหารในครั้งนี้

ส่วนผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคนร้ายก่อเหตุ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาฯ จับกุมตัวในเวลาต่อมา ขณะกำลังหลบหนีโดยมีรถยนต์เป็นพาหนะ ไม่ห่างจากจุดเกิดเหตุเท่าใดนัก เนื่องจากพลเมืองชี้เบาะแสเพราะเห็นวิ่งหนีอย่างผิดสังเกต

จากการสืบสวน สอบสวน พบว่า ชายผู้ต้องสงสัยว่าก่อเหตุ ชื่อนายไรอัน เวสลีย์ รูธ อายุ 58 ปี ชาวรัฐฮาวาย

ภาพของนายไรอัน เวสลีย์ รูธ ผู้ต้องสงสัยว่าพยายามลอบสังหารนายโดนัลด ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อครั้งที่เขาร่วมรณรงค์แสดงพลังสนับสนุนต่อยูเครน ในการทำสงครามต่อต้านรัสเซีย ที่กรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน เมื่อช่วงเดือนเมษายน 2022 (พ.ศ. 2565) (Photo : AFP)

ในการตรวจสอบยังพบด้วยว่า นายรูธผู้นี้ อยู่ในกลุ่มของผู้สนับสนุนยูเครนในการทำสงครามต่อต้านรัสเซียระดับตัวยง ซึ่งแน่นอนว่า กลุ่มคนเหล่านี้ ก็ยืนตรงข้าม หรือคนละฝั่งกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ต้องการให้สงครามรัสเซีย-ยูเครนยุติโดยเร็ว รวมถึงยังยืนอยู่ฟากที่เป็นปรปักษ์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในฐานะผู้ก่อสงครามรัสเซีย-ยูเครนดังกล่าวด้วย ซึ่งมีภาพเก่าๆ ที่เขาเคยเข้าร่วมกลุ่มรณรงค์เพื่อแสดงพลังสนับสนุนต่อยูเครน และต่อต้านรัสเซีย ปรากฏตามสื่อต่างๆ ออกมาอีกด้วย

โดยมีรายงานว่า นายรูธ เคยเปิดเผยว่า เขาเคยพำนักอาศัยอยู่ในยูเครนเป็นเวลาหลายเดือนในช่วงปี 2022 (พ.ศ. 2565) พร้อมกันนี้ เขายังเคยประกาศรับทหารอัฟกานิสถานที่หนีจากรัฐบาลตาลิบัน ไปช่วยยูเครนรบกับรัสเซียด้วย

นอกจากนี้ นายรูธ ก็ยังเคยโพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการขอซื้อจรวดจากนายอีลอน มัสก์ นำมาติดหัวรบ เพื่อยิงโจมตีคฤหาสน์ของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในทะเลดำอีกต่างหากด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้ เกลียดชังต่อรัสเซีย และประธานาธิบดีรัสเซีย รวมถึงผู้ที่เป็นพันธมิตรของรัสเซีย และประธานาธิบดีรัสเซียเพียงใด โดยอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ก็ได้แสดงท่าทีว่าเป็นมิตรกับรัสเซีย และประธานาธิบดีปูติน ถึงขนาดให้คำมั่นว่าจะใช้วิธีเจรจากับผู้นำรัสเซีย เพื่อยุติสงครามที่กำลังสู้รบกันอยู่นี้ให้ได้โดยเร็ว หากว่าได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกสมัย

ทางด้าน อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ หลังจากเกิดเหตุ ได้เดินทางกลับบ้านพักของเขาที่รีสอร์ท “มาร์ อะ ลาโก” ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามกอล์ฟที่เกิดเหตุ ก่อนโพสต์ข้อความผ่านทั้งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเมล์ และสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เพื่อส่งสารต่อบรรดาผู้สนับสนุนของเขาว่า เขาปลอดภัยดี และสบายดี พร้อมกันนี้ อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ยังได้แสดงความกล้าหาญ หรือวุฒิภาวะผู้นำทางด้านนี้ ด้วยการระบุว่า ไม่มีอะไรจะมาหยุดยั้งเขาได้ และเขาจะไม่มีวันยอมแพ้เป็นอันขาด

ขณะที่ การสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่จากหน่วยสอบสวนกลางแห่งชาติสหรัฐฯ หรือเอฟบีไอ ระบุว่า เหตุการณ์ครั้งล่าสุดนี้ ถือว่าเข้าข่ายพยายามลอบสังหารต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 (พ.ศ. 2567) ของพรรครีพับลิกัน

ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ พร้อมด้วยนางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 แห่งพรรคเดโมแครต คู่แข่งคนสำคัญ ได้เปิดเผยว่า โล่งใจที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่ได้รับอันตรายจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ก่อนที่รองประธานาธิบดีแฮร์ริส จะย้ำทิ้งท้ายว่า ความรุนแรงจะต้องหมดไปจากประเทศ

ขณะเดียวกัน ทางด้านทางการรัสเซียและยูเครน ซึ่งถูกพาดพิงจากกรณีที่ว่า ผู้ต้องสงสัยมือปืนก่อเหตุสนับสนับสนุนยูเครน และต่อต้านรัสเซียนั้น ทางการรัสเซีย โดยโฆษกทำเนียบเครมลินประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวว่า กำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ส่วนประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวประณามต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ดี ในโลกโซเชียลมีเดียที่จีน ระอุเดือดด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยหลายรายถึงขั้นมองว่า เป็นทฤษฎีสมคบคิดที่จะส่งผลดีต่อนายทรัมป์ สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในปลายปีนี้