วิป 3 ฝ่าย ได้ข้อสรุปแถลงนโยบายรัฐบาลรวม 2 วัน 29 ชั่วโมง จัดสรรเวลาฝ่ายค้าน 13 ชม. ปกรณ์วุฒิมั่นใจเวลาพอชำแหละนโยบายรัฐบาลอุ๊งอิ๊งระบุพปชร. ยังนิ่งเรื่องแบ่งเวลา ด้านอนุทินกลับลำหนุนกาสิโนถูกกฎหมาย ปัดเคยค้าน เผยเป็นมารยาท หวั่นถึงตานโยบายภท.ถูกขวางเอาคืน

     ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 9 ก.ย.67  นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานในการประชุมวิป 3 ฝ่าย โดยมีตัวแทนส.ส. ฝ่ายค้าน และรัฐบาล ตัวแทนคณะรัฐมนตรี วุฒิสภา และพรรคการเมือง อาทิ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพี่อไทย และรมว.ท่องเที่ยวและการกีฬา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน เพื่อกำหนดกรอบเวลา ในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ
   
  จากนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ แถลงภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปเรื่องการจัดสรรเวลาการแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 12-13 ก.ย. โดยเริ่มเวลา 09.00 น. โดยแต่ละวันจะใช้เวลาประมาณ 14 ชั่วโมง 30 นาที ตลอดระยะเวลาการประชุมจะใช้เวลาทั้งหมด 29 ชั่วโมง  โดยแบ่งให้ประธานสภา 1 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรีและครม.ใช้เวลา 6 ชม. สว.4 ชั่วโมง 30 นาที พรรคร่วมรัฐบาล 4 ชั่วโมง 30 นาที พรรคร่วมฝ่ายค้าน 13 ชั่วโมง
   
  ทั้งนี้วันแรกหากมีผู้อภิปรายจำนวนมากก็จะสิ้นสุดในเวลาเที่ยงคืนหรือเลยเที่ยงคืนเล็กน้อย วันที่สองถือว่าพักการประชุมหลังเที่ยงคืนแล้วก็จะเริ่มในเวลา 09.00 น. ในรุ่งขึ้น ไม่ต้องรอสมาชิกครบครึ่งหนึ่ง แต่หากเหลือสมาชิกและเวลาการอภิปรายไม่มากนัก ตกลงกันได้ ลดชั่วโมงกันได้ก็อาจจะเลิกก่อน อาจเป็น 22.00 น. หรือ 23.00 น. ขึ้นอยู่กับการอภิปราย จำนวนคน และเวลาในการอภิปราย ทั้งนี้จะให้มีการประสานงานตลอดเวลาของการประชุมทั้งสองวัน เพื่อปรับเวลาให้สอดคล้องกับการอภิปราย
   
  ด้าน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมการอภิปรายการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า พรรคประชาชนได้มีการเสนอหัวข้อ ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ได้ร่างแถลงนโยบาย แต่เมื่อได้รับเอกสารแล้ว ก็ได้มีคณะกรรมการมาจัดเรื่องนโยบายเร่งด่วนที่จำเป็นจะต้องอภิปราย หรือมีนโยบายไหนที่ไม่ถูกบรรจุ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในวันที่ 10 ก.ย.นี้ โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการเพื่อคัดเลือกหัวข้อกันต่อไป ทั้งนี้คาดว่าพรรคประชาชนมีผู้อภิปรายประมาณ 30 กว่าคน
   
  เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับพรรคพลังประชารัฐแล้วหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ยังไม่มีใครมาคุยกับตน ตนแค่พูดคุยกับทางวิปรัฐบาลและยังไม่แน่ใจว่าจะจัดการอย่างไร แต่ในเมื่อตอนนี้ยังไม่มีใครมาประสานงาน ก็อาจจะต้องละเว้นไปก่อน เพื่อมาพูดคุยเงื่อนไขกันในอนาคต เมื่อถามว่า แสดงว่าเวลา 13 ชั่วโมง ที่ได้รับจัดสรร เป็นของพรรคประชาชนทั้งหมดใช่หรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ณ ตอนนี้เรายังมีพรรคเล็ก ซึ่งได้มีการมาขอโควตาเวลาแล้ว คงบริหารจัดการกันและเชื่อว่าไม่มีปัญหา เมื่อถามย้ำว่าเวลาจะเพียงพอหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า จะพยายาม แต่คิดว่าจะสามารถบริหารจัดการได้
   
  เมื่อถามถึงความชัดเจนของพรรคไทยสร้างไทย นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ที่ผ่านมา ส.ส.ไทยสร้างไทย 3 คน ได้โหวตไปในทิศทางเดียวกับฝ่ายค้านเหมือนเดิม แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ และคงคุยกันว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร ส่วนจะจัดสรรเวลาให้กับผู้อภิปรายของพรรคไทยสร้างไทยหรือไม่นั้น ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน
   
  ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากให้รัฐบาลชี้แจงประเด็นไหนในการแถลงนโยบายหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ครั้งนี้โควตาเวลาของ ครม.เพิ่มจากครั้งที่แถลงนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นความตั้งใจของทุกฝ่ายที่อยากให้ครม.ชี้แจงได้อย่างเต็มที่ ซึ่งตนไม่ได้คาดหวังว่ารัฐมนตรีจะต้องชี้แจงไปในทิศทางใด เพียงแต่ต้องการความชัดเจนต่อข้อสงสัยจากฝ่ายค้านหรือแม้กระทั่งจากพรรคร่วมรัฐบาล และเราอยากเห็นการตอบคำถามที่ตรงกับคำถาม ไม่ใช่ถามแล้วไปตอบในสิ่งที่ข้าราชการเตรียมมาให้ หรือมาเปิดคลิปให้สส.ดู แค่นี้ก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจแล้ว
    
 เมื่อถามว่า ติดใจหรือไม่ที่คำแถลงนโยบาย ใช้ของเดิมเหมือนนายเศรษฐา นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าครม. ที่ไม่ได้มีหน้าตาเปลี่ยนแปลง จึงไม่น่าแปลกใจที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะไม่ใช่การพลิกขั้วรัฐบาลแต่อย่าง ชุดนโยบายยังเป็นเหมือนเดิม แต่ก็มีจุดแตกต่างที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกต ทั้งบางเรื่องที่โผล่มาใหม่หรือเคยมีแล้วหายไป
    
 เมื่อถามต่อว่า มีความกังวลหรือไม่ที่ในคำแถลงนโยบายยังไม่มีความชัดเจนของนโยบายที่มีความสำคัญ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าการแถลงนโยบายมีข้อจำกัดที่ทำให้ไม่สามารถใส่รายละเอียดได้ลึกมากขนาดนั้น แต่ยังคิดว่าเวทีนโยบายเป็นเวทีที่สำคัญ เพราะหากร่างนโยบาย ไม่ได้มีนโยบายที่ชัดเจนก็เป็นหน้าที่ของสส. ที่จะต้องถาม ให้ประชาชนได้เข้าใจว่าจะเดินหน้าอย่างไร
   
  เมื่อถามถึงติดใจหรือไม่ที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ต มีรายละเอียดที่เปลี่ยนแปลงไป นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ คงมีสมาชิกที่อภิปรายเรื่องนี้อย่างแน่นอน ซึ่งคงจะมีการถามความชัดเจนในที่ประชุมสภาฯอีกครั้ง เมื่อถามย้ำว่า จะสัมพันธ์กับงบประมาณที่รัฐบาลเคยขอไว้แล้วหรือไม่ เพราะอาจมีความไม่สอดคล้องกัน นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ก็มีความเป็นไปได้อย่างที่น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ถามไปหลายครั้งแล้วว่าบางรายละเอียดมีความสุ่มเสี่ยงที่จะขัดต่อกฎหมาย ดังนั้น ต้องรอคำตอบที่ชัดเจนว่านิ่งแล้วหรือไม่
  
   นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำนโยบายกัญชาจะเดินหน้าต่อหรือไม่ ภายหลังจากมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ เพื่อกำหนดนโยบายรัฐบาลก่อนแถลงต่อรัฐสภา ว่า ขอให้รอดูในการแถลงนโยบายของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคภูมิใจไทยขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาในเรื่องการตรากฎหมายเป็น พ.ร.บ.ควบคุมการใช้กัญชา เพื่อใช้ทางการแพทย์โดยเคร่งครัด
    
 เมื่อถามว่า นโยบายดังกล่าวทุกพรรคการเมืองเห็นพ้องแล้วใช่หรือไม่ หลังจากก่อนหน้านี้มีบางพรรคออกมาคัดค้าน นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะพ้นตำแหน่งได้มีการหารือร่วมกันกับกระทรวงสาธารณสุขแล้ว รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฉะนั้นเอาเป็นว่าจะมีการออกกฎหมายควบคุมกัญชา เพื่อให้ชัดเจนว่าการใช้จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุม และมุ่งเน้นไปเรื่องการแพทย์เพื่อสุขภาพ
    
 ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าการแถลงนโยบายของรัฐบาล ในเรื่องการส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีเรื่องการผลักดันสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) เข้าไปด้วยนั้น ทางพรรคภูมิใจไทยมีจุดยืนอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ก็เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งกฎหมายเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะต้องมีการแก้ไข
     
  "ถามว่าเห็นด้วยไหมว่าจะต้องมี เห็นด้วยอยู่แล้ว เพราะเป็นสิ่งที่ชักจูงนักท่องเที่ยวเข้ามา และสร้างรายได้ สร้างงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด แต่เราก็ต้องมาดูว่าจะทำอย่างไรให้คนไทยได้ประโยชน์สูงสุด ทั้งสนับสนุนการจ้างงาน การมีอุตสาหกรรมเพื่อสร้างรายได้ต่าง ๆ ให้มาใช้ผลิตภัณฑ์ของคนไทยมากที่สุด" นายอนุทิน กล่าวและว่า  จะต้องมีการปรับเรื่องพื้นที่โซนนิ่ง เนื่องจากขณะนี้ยังติดปัญหาเรื่องโซนนิ่งอยู่ ฉะนั้นจะมาเปลี่ยนเป็นเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เมื่อไหร่ ก็ต้องมาแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งจะต้องมีการหารือกัน
   
  เมื่อถามว่า วันนี้พรรคภูมิใจไทยยอมลดท่าทีหลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการแถลงคัดค้านร่างกฎหมายกาสิโน นายอนุทิน กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ได้ค้าน ก่อนถามกลับผู้สื่อข่าวว่า ไม่เอาเลยที่ไหนล่ะ ถ้าคนไทยได้ประโยชน์ ประเทศไทยได้ประโยชน์ มีการพิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่าเศรษฐกิจเติบโตขึ้น คนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น มีการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็ต้องเน้นไปที่ประชาชนคนไทยด้วย ซึ่งเราก็ต้องมานั่งปรับ
   
  นายอนุทิน กล่าวว่า ทั้งนี้ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์อย่าเพิ่งนึกถึงบ่อนการพนันหรือกาสิโนที่ถูกกฎหมาย เพราะเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะมีทั้งห้างสรรพสินค้า ศูนย์อาหาร สวนสนุก ฮอลล์จัดคอนเสิร์ต และโชว์ต่างๆ มากมาย ซึ่งจะเป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น และหากเป็นไปได้ควรกระจายไม่ควรกำหนดให้เป็นจุดใดจุดหนึ่ง ถ้าเป็นไปได้ก็กระจาย อย่าไปฟิก ไปตรงไหนตรงไหน กระจายให้ไปอยู่ในพื้นที่ ถ้าไปแล้วพื้นที่นั้นไม่มีการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ แล้วจะไปสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่ ที่นั้นก็จะเป็นประโยชน์โดยรวม
   
  เมื่อถามย้ำอีกว่า หากเงื่อนไขโครงการดังกล่าวเหมาะสม พรรคภูมิใจไทยก็พร้อมที่จะสนับสนุนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า การร่วมรัฐบาลที่เป็นพรรคร่วมอยู่ 5-6 พรรค โดยกติกามารยาทต้องสนับสนุนซึ่งกันและกันอยู่แล้ว หากเราไม่สนับสนุน และพอถึงตานโยบายเราฝั่งนู้นไม่สนับสนุนแล้วประชาชนจะได้อะไร ประเทศจะได้อะไร ฉะนั้นเราต้องสนับสนุนให้มีการขับเคลื่อน แต่ทุกอย่างต้องถูกต้องตามครรลองคลองธรรม ไม่ผิดศีลธรรม เกิดประโยชน์อย่างชัดเจนต่อส่วนรวม พร้อมยืนยันว่าถามกี่ที ตนก็จะตอบแบบนี้
  
   ด้าน นางอังคณา นีละไพจิตร สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ กล่าวถึงการการเตรียมการแถลงนโยบายรัฐบาล ว่า ได้อ่านนโยบายทั้งหมดอย่างเร็วๆ พบว่ามีเรื่องน่าสนใจคือการปราบปราบยาเสพติดที่กังวลว่าจะกลับไปเป็นเหมือนปี 2546 ที่เป็นช่วงสงครามยาเสพติด มีคนตาย 3,000 กว่าคน แต่ไม่มีใครเคยต้องโทษ ทำให้คนตายฟรี กังวลว่า สงครามยาเสพติดจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ จะปราบอย่างไร ขณะนี้มีกฎหมายให้ผู้เสพเป็นผู้ป่วย จึงตั้งคำถามว่า จะดูแลอย่างไร มีศักยภาพหรือไม่ เป็นเรื่องท้าทายอย่างแรก เพราะคิดว่าจะปราบปราม แต่จะทำอย่างไร ที่ผ่านมาสมัยรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้กำลังปราบปราม มีเหตุฆ่าตัดตอนจำนวนมาก คดีก็หมดอายุความ อีกเรื่องคือ ปัญหาชายแดนภาคใต้ถูกจัดอันดับความสำคัญน้อย ทั้งที่เป็นปัญหาต่อเนื่องมากกว่า 20 ปี รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะจัดการอย่างไรให้หยุดการสู้รบ
  
     การแถลงนโยบายรัฐบาลชุดนี้ ไม่ได้ต่างจากรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ถ้าไปเปรียบเทียบกับรัฐบาลนายทักษิณก็ไม่ต่างกัน ดูแล้วไม่มีอะไรใหม่ ของเดิมที่ทำแล้ว มีปัญหาเรื่องยาเสพติด ก็ยังกังวลจะเกิดเหตุการณ์แบบเดิมหรือไม่ นางอังคณา กล่าว
  
   วันเดียวกัน นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ฉายซ้ำอีกครั้ง 10  เรื่องที่รัฐบาลใหม่ ไม่ควรทำ 1ครงการแจกเงินดิจิทัล  ทุจริตคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ 3.ออกใบอนุญาตคาสิโนบ่อนทำลายสังคม 4.นโยบายขายชาติให้เช่าที่ดิน99ปี 5.ดีลลับเจรจาพลังงานไทย-กัมพูชา เสียอธิปไตยเกาะกูด 6.ออกกฎหมายคืนเงิน 46,000ล้านและนิรโทษกรรมสุดซอย 7.แก้ พ.ร.บ.สภากลาโหม แทรกแซงกองทัพ 8.แทรกแซงนโยบายธนาคารชาติ 9.แทรกแซงบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระ 10.ปล่อยต่างชาติแทรกแซงการเมืองไทย บ่อนทำลายสถาบัน และความมั่นคงในชาติ นโยบายสวยหรู ไม่สู้ลงมือทำ