วันที่ 4 ก.ย.67 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เสียงไม่รับคำร้องที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามมาตรา 213 ว่า กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และกระทรวงการต่างประเทศ นำบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์ในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน หรือ MOU2544 ซึ่งทำขึ้นโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาใช้ดำเนินการแบ่งเขตอธิปไตยและผลประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลของประเทศไทยด้านอ่าวไทย ละเมิดสิทธิ์ของผู้ร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 3 มาตรามาตรา 25 และมาตรา 43 วรรคหนึ่ง(2) และขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องยกเลิกการนำเอ็มโอยูดังกล่าวมาใช้
ศาลพิจารณาพิจารณาและอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามเอกสารหลักฐานของกรมสนธิสัญญาและกฎหมายปรากฏว่า เป็นกรณีปัญหาเรื่องหน้าที่ของรัฐตามหมวด 5 ของรัฐธรรมนูญ ยังไม่ปรากฏว่านายไพบูลย์เป็นบุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิและเสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญโดยตรงจากการกระทำของกรมสนธิสัญญาและกฎหมายและกระทรวงการต่างประเทศ โดยข้อกล่าวอ้างของนายไพบูลย์เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชนเกี่ยวกับปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของ MOU2544 เท่านั้นกรณีไม่ได้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นนายไพบูลย์ไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวได้
ทั้งนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 6 คน ประกอบไปด้วย นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์, นายปัญญา อุดชาชน, นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม, นายวิรุฬ แสงเทียน, นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ และนายอุดม รัฐอมฤต
ส่วนตุลาการเสียงข้างน้อย 3 คน คือ นายจิรนิติ หะวานนท์ , นายนภดล เทพพิทักษ์ และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ