เข้าใจตรงกันนะ…ประกันชีวิตผู้สูงอายุ ไม่ใช่ประกันสุขภาพ
ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว ทำให้เราพบเห็นโฆษณาประกันชีวิตสำหรับผู้สูงอายุผ่านสื่อต่าง ๆ มากขึ้น อาจารย์ฉัตรชัย ผาสุกธรรม จากสถาบันประกันภัยไทย ได้ให้ข้อควรระวังเกี่ยวกับการทำประกันชีวิตกลุ่มนี้ เนื่องจากบริษัทประกันมักเน้นจุดขายเรื่องการไม่ต้องตรวจสุขภาพ ทำให้ผู้สูงอายุหลายท่านเข้าใจผิดเกี่ยวกับเงื่อนไขและความคุ้มครอง
เวลาตัดสินใจซื้อประกันชีวิตให้พ่อแม่ เพราะคิดว่าจะได้รับสิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมเรื่องค่ารักษาพยาบาล ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะประกันชีวิตผู้สูงอายุถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนอาวุโสที่มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว ซึ่งทำประกันชีวิตแบบทั่วไปไม่ได้ หรือไม่มีกำลังทรัพย์มากพอที่จะจ่ายเบี้ยประกันแพงๆ แต่ยังต้องการความคุ้มครองเมื่อเสียชีวิต
ด้วยเหตุนี้ ประกันชีวิตผู้สูงอายุจึงจ่ายเงินเอาประกันในกรณีเสียชีวิตเท่านั้น ไม่ได้รวมถึงการเบิกค่ารักษาพยาบาลหรือการรักษาตัวภายในโรงพยาบาล จึงไม่ใช่ทั้งประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุอย่างที่หลายคนอาจเข้าใจผิด
ดังนั้น เพื่อรับมือกับความเสี่ยงด้านสุขภาพและค่ารักษาพยาบาลของพ่อแม่สูงวัยที่ไม่ได้คาดฝันในอนาคต ควรทำประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุควบคู่กันไปด้วย โดยอาจเลือกซื้อสัญญาเพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุมความต้องการ
ประกันชีวิตสำหรับผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะกำหนดช่วงอายุที่สามารถทำประกันได้ตั้งแต่ 50-70 ปี โดยจะได้รับความคุ้มครองไปจนถึงอายุ 80-90 ปี หรือตลอดชีพขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกัน ดังนั้น หากแบบประกันใดๆ ที่สามารถทำสัญญาได้ก่อนอายุ 50 ปี หรือหลังอายุ 70 ปี จะถือว่าเป็นประกันในรูปแบบทั่วไป ไม่ใช่ประกันสำหรับผู้สูงอายุ แม้ว่าจะมีระยะเวลาคุ้มครองในช่วงอายุ 50-90 ปีก็ตาม เช่น ประกันชีวิตแบบบำนาญ ทำได้จนถึงอายุ 50 ปี ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ ทำได้ก่อนอายุ 50 ปีจนถึง 70 ปีและประกันอุบัติเหตุผู้สูงอายุ ทำได้จนถึงอายุ 75 ปี
แม้จะไม่ใช่ประกันสุขภาพ แต่ประกันชีวิตสำหรับผู้สูงอายุก็เป็นเหมือนการสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้กับครอบครัวในราคาที่คุ้มค่า การเตรียมพร้อมรับมือกับอนาคตที่ไม่แน่นอนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เลือกซื้อประกันชีวิตสำหรับพ่อแม่ให้ตอบโจทย์ที่สุด! heygoody มีเคล็ดลับดีๆ ช่วยให้คุณเลือกแผนประกันที่เหมาะสมที่สุดได้ง่ายขึ้น