อาชีพรับจ้างเงินไม่พอใช้ สาวบัญชีม้าข้ามไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา ผู้ว่าจ้างเลี้ยงดูอย่างดี 3 วันแรกให้กินกุ้งเผา หลังจากนั้นต้องสมัครแอปฯ สแกนใบหน้า 4 ครั้ง/วัน ครบสัญญาจ้าง 20 วัน ได้เงินไม่ครบตามที่ตกลง กลับถึงไทยโดนจับ

วันนี้ ( 23 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนสอบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมจับกุมตัว น.ส.เกษณี อายุ 25 ปี  ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น 2 หมาย ซึ่งรับหน้าที่เป็นบัญชีม้า หลอกลงทุนกดรับออเดอร์  โดยแจ้งดำเนินคดี ฐานฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม โดยจับกุมได้ ภายในซอยตลาดไชย ตำบลห้วยขมิ้น อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี

ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่า ได้ติดต่อชักชวนจากแก๊งมิจฉาชีพผ่านแอปฯไลน์  ให้ทำงานออนไลน์ และร่วมลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนในอัตราสูง สูงในเว็บไซต์ ในลักษณะการกดออเดอร์สินค้า เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินเข้าร่วมลงทุน  80,000 บาท แล้วไม่ได้รับเงินคืน จึงเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจนกระทั่งมีการสืบสวนจับกุมดังกล่าวข้างต้น 

สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่า มีอาชีพรับจ้างทั่วไปในไซต์งานก่อสร้าง รายได้ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ ต่อมามีรุ่นพี่ได้แนะนำให้ไปทำงานที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา รายได้ 40,000 บาท โดยต้องเปิดบัญชีธนาคารในประเทศไทยก่อน จึงได้เปิดบัญชีธนาคาร 5 บัญชี แล้วเดินทางเข้ากัมพูชาผ่านช่องทางธรรมชาติ สถานที่ทำงานเป็นอาคารสีเขียว มีความสูง 7 ชั้น

“3 วันแรก ผู้ว่าจ้างให้พักผ่อนในห้องนอน กับเพื่อนร่วมห้องคนไทย อีก 5 คน แต่ไม่สามารถออกไปไหนได้ มีอาหารให้กินอย่างดี และมีเมนูเป็นกุ้งเผา ต่อมาวันที่ 4 ผู้ว่าจ้างให้คนมาเรียกให้ไปสมัครแอปฯ ธนาคารและสแกนใบหน้า ในโทรศัพท์มือถือจำนวน 7 เครื่อง เมื่อเสร็จสิ้นจึงให้กลับไปพักผ่อนที่ห้อง โดยมีชายชาวจีนควบคุมตลอดเวลา”

โดยวันที่ 5 ถึงวันที่ 20 ตนถูกนำตัวไปสแกนใบหน้า วันละ 4 ครั้งต่อวัน เมื่อถึงวันที่ 20 ตนครบกำหนดกลับประเทศไทย ไม่ได้รับเงินค่าจ้างตามที่ตกลงกันไว้ 4 หมื่นบาท ผู้ว่าจ้างจ่ายให้ 7,000 บาท และโดนหักค่าเดินทางกลับอีก 2,500 บาท เหลือเงินสุทธิ 4,500 บาท เมื่อข้ามกลับมาถึงฝั่งไทย มีชายรูปร่างผอมสูงผิวสีดำชาวกำพูชาจะมารับไปส่งขึ้นรถตู้ และบอกว่าเมื่อไปถึง กทม.ให้ไปอายัดบัญชีที่เคยเปิด เพื่อป้องกันตำรวจติดตามและดำเนินคดี

เมื่อตนเดินทางถึง กทม. ได้กลับไปหางานก่อสร้างที่ บางบ่อ จ.สมุทรปราการ กระทั่งทราบข่าวว่ารุ่นพี่ที่เคยชักชวนไปทำงานที่ปอยเปต ถูกจับในข้อหาเปิดบัญชีม้า 2 คดี และได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าตกเป็นผู้ต้องหาเปิดบัญชีม้า จึงย้ายหลบหนีไปทำงานที่ จ.สระบุรี แต่ก็ถูกจับกุมได้ในที่สุด

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ เตือนเป็นอุทาหรณ์ ให้ระวังถูกหลอกเข้าไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา บางคนถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ต้องโทษจำคุกถึง 50 ปี และต้องชดใช้เงินทั้งหมดคืนแก่ผู้เสียหาย มีบางคนถูกกักขัง ถูกทำร้าย และหากทำงานไม่ได้หรือไม่ยอมทำงานจะถูกขายต่อให้นายทุนรายอื่น จึงขอประชาสัมพันธ์ให้คนไทยที่กำลังคิดจะเข้ามาทำงานผิดกฎหมายในกัมพูชา ศึกษาหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ.