'ทักษิณ' โชว์วิสัยทัศน์หลังกลับไทยครบ 1 ปี ในงาน Dinner Talk Vision for Thailand 2024  คาดทำให้เห็นยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ทั้งระยะกลางและยาว และการดึงนักลงทุนต่างชาติเข้าลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่

วันนี้ (22 ส.ค. 67) ที่พารากอนฮอลล์ ห้างสรรพสินค้าพารากอน สื่อในเครือเนชั่น จัดงาน Dinner Talk Vision for Thailand 2024 เปิดเวทีแสดงวิสัยทัศน์ครั้งสำคัญ ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อรู้ถึงทิศทางเศรษฐกิจจะขับเคลื่อนไปอย่างไร และทิศทางการเมืองไทยจากนี้ต่อไป 

ทันทีที่นายทักษิณ เดินทางมาถึง ได้เข้ามานั่งพักที่ SCBX พร้อมพูดคุยกับนักธุรกิจ และนักการเมืองที่เดินทางมาร่วมงาน อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า นายธนินท์ เจียรวนนท์ อดีตประธานกรรมการของเครือเจริญโภคภัณฑ์ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิงส์ จำกัด (มหาชน)

หลังจากนั้น นายทักษิณ ได้เดินขึ้นมาที่ด้านหน้าบริเวณงาน และรับชมนิทรรศการที่จัดขึ้น พร้อมถ่ายภาพร่วมกันกับ นักการเมือง  นักธุรกิจ และคณะผู้บริหารในเครือเนชั่น

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นักการเมืองที่มาร่วมงานคึกคัก อาทิ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงเหล่าบรรดานักธุรกิจจำนวนมากที่มาร่วมงาน 

สำหรับกำหนดการของนายทักษิณ เวลา 19.00 - 19.50 น. จะขึ้นแสดงวิสัยทัศน์ หัวข้อ Vision for Thailand พูดถึงแนวทางเศรษฐกิจที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะทำให้เห็นยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ทั้งระยะกลางและยาว และการดึงนักลงทุนต่างชาติเข้าลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ (S Curve) และนโยบายต่าง ๆ ที่เป็นปัจจัยหนุนตลาดให้เติบโตขึ้น