กรุงเทพฯ – 19 สิงหาคม 2567 –  บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำอุตสาหกรรมอาหารทะเลระดับโลก  ประกาศความร่วมมือกับองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม เซเว่น คลีน ซีส์ (Seven Clean Sea) และองค์กรเพื่อสังคม เซคันด์ ไลฟ์ (Second Life) 2 พันธมิตรด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยการนำนวัตกรรมมาใช้ในการแก้ไขปัญหาพลาสติกในทะเลเพื่อจะลดขยะพลาสติกไหลออกสู่ท้องทะเล 

 

สำหรับความร่วมมือระหว่างไทยยูเนี่ยน กับ เซเว่น คลีน ซีส์ ครั้งนี้ เป็นการสนับสนุนการดำเนินงานเรือเก็บขยะจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ  HIPPO (High Impact Plastic Pollution remOver) ในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณวัดจากแดง จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อดักจับขยะในแม่น้ำ ช่วยลดปริมาณขยะในบริเวณดังกล่าว และร่วมแก้ไขปัญหาขยะไหลออกสู่ท้องทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยนยังร่วมมือกับ เซคันด์ ไลฟ์ องค์กรเพื่อสังคมที่มีเป้าหมายในการเก็บรวบรวมและรีไซเคิลขยะพลาสติกจากมหาสมุทร ในพื้นที่ชายฝั่งและเกาะห่างไกลในจังหวัดกระบี่ ระนอง ตรัง และพังงา


โครงการนี้นับเป็นหนึ่งในการดำเนินงานที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 ของไทยยูเนี่ยน ที่มีเป้าหมายลดปริมาณขยะพลาสติกที่ไหลลงสู่แหล่งน้ำและทะเลให้ได้ 1,500 ตัน ภายในปี 2573 โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเก็บรวบรวมขยะได้ให้ได้ประมาณ 250 ตัน 
“เรามีความยินดีที่ได้มีโอกาสร่วมมือ เซเว่น คลีน ซีส์ และ เซคันด์ ไลฟ์ ที่เป็นองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล สะท้อนถึงความพยายามความใส่ใจในการดูแลสุขภาพของผู้คน โลก และมหาสมุทรของเรา ผ่านพันธกิจสำคัญเรื่องการลดขยะพลาสติกในทะเล ไม่ให้ปนเปื้อนสู่แม่น้ำลำคลองและทะเลเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” นายอดัม เบรนนัน  ผู้อำนวยการด้านความยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าว
###
เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลกที่นำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ อร่อย และสร้างสรรค์ มาสู่ลูกค้าทั่วโลกมา 47 ปี 
ปัจจุบัน ไทยยูเนี่ยนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลกและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีเกินกว่า 136,153 ล้านบาท (3,912 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และแรงงานทั่วโลกกว่า 44,000 คน ที่ทุ่มเทให้กับการบุกเบิกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สร้างสรรค์และยั่งยืน
ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar, Hawesta และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ OMG MEAT เบลลอตต้า และมาร์โว่ นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอาหารภายใต้แบรนด์ UniQ®BONE และ UniQ®DHA และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพแบรนด์ ZEAvita
ไทยยูเนี่ยนมีเป้าหมายเพื่อสร้าง "การมีสุขภาพที่ดีและท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์, Healthy Living, Healthy Oceans" โดยให้ความสำคัญกับสุขภาพผู้คน ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ท้องทะเล เราภาคภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact: UNGC) พร้อมทั้งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) และได้รับเกียรติเป็นเป็นประธาน SeaBOS หรือ Seafood Business for Ocean Stewardship
ไทยยูเนี่ยนได้ประกาศกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 พร้อมขยายขอบเขตการทำงานด้านความยั่งยืนให้ครอบคลุมมิติของผู้คนและสิ่งแวดล้อม ไทยยูเนี่ยนดำเนินงานด้านความยั่งยืนโดยยึดหลักกลยุทธ์ SeaChange® ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ จากผลการประเมินงานด้านความยั่งยืนปี 2565 บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่เป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน และยังได้รับการจัดอันดับในดัชนี Seafood Stewardship Index (SSI) เป็นอันดับหนึ่ง 3 ปีติดต่อกัน และในปี 2566 ได้รับการจัดอันดับอยู่ใน S&P Global Sustainability Yearbook 2023 ตลอดจนได้รับผลการประเมินดัชนีชี้วัดความยั่งยืนระดับ B จากสถาบันประเมินความยั่งยืนที่น่าเชื่อถือระดับโลก Carbon Disclosure Project (CDP) สะท้อนความความโปร่งใสและการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ในปี 2567 ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืนได้ที่ seachangesustainability.org.