DSI แจ้งข้อกล่าวหาคดีฟอกเงิน “แชร์ nicereview” เพิ่มอีกหนึ่ง เร่งติดตามอีก 5 คน - เปิดโอกาสชี้แจงแก้ข้อหา
วันที่ 15 ส.ค.67 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ เปิดเผยว่า ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้นำเสนอข่าวฉบับวันที่ 10 สิงหาคม 2567 กรณีกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ได้แจ้งข้อกล่าวหา นายศุภณัฐ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ 19/2563 กรณี บริษัทดัง กับพวก มีพฤติการณ์นำทรัพย์สินที่ได้จากการหลอกลวงประชาชนให้สมัครงาน เข้าทำงานผ่านเว็บไซต์ www.nicereview.asia ในความผิดฐาน ร่วมกันฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 5 มาตรา 9 และมาตรา 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาตรา 90 และมาตรา 91 กรณีพบพฤติการณ์ว่าผู้ต้องหาได้เปิดบัญชีและรับโอนเงินจากเว็บให้สมัครงานฯ ถึง 41 ครั้งเป็นเงินกว่า 40 ล้านบาท และยังอยู่ระหว่างติดตามตัวผู้ต้องหาอีก 6 ราย ที่พบพฤติการณ์กระทำความผิดให้มารับทราบข้อกล่าวหา นั้น
พันตำรวจตรี วรณัน กล่าวว่า ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 นางสาวโรซีดะห์ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหา เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตามหมายเรียกเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกหนึ่งคน โดยผู้ต้องหารายดังกล่าวมีพยานหลักฐานว่าเป็นผู้เปิดบัญชีธนาคารและรับโอนเงินจากบริษัทเอ็นเนอร์จี ดีดักชั่น จำกัด ที่ได้เปิดเว็บไซต์ www.nicereview.asia หลอกลวงให้ประชาชนสมัครเข้าทำงานและเสียค่าใช้จ่าย จำนวน 2 ครั้ง เป็นเงินกว่า 7 ล้านบาท โดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้แจ้งข้อเท็จจริงและข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบว่าได้ร่วมกันกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5 มาตรา 9 และมาตรา 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาตรา 90 และมาตรา 91 ผู้ต้องหารับทราบข้อกล่าวหาและให้การภาคเสธ หลังจากนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะเร่งรัดติดตามผู้ต้องหาที่เหลืออีก 5 รายให้มารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
ผมขอให้ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายเรียก เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา เนื่องจากเป็นโอกาสที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ที่ตนเองถูกหาว่ากระทำความผิด ซึ่งกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ พร้อมให้ความเป็นธรรม โดยจะเปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาได้นำพยานหลักฐานของตนเข้าสำนวน การสอบสวนเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนได้ ก่อนที่จะมีความเห็นทางคดีส่งไปยังพนักงานอัยการ แต่หากไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามกำหนดโดยไม่มีเหตุผลก็มีจำเป็นต้องยื่นคำร้องขอออกหมายจับต่อศาล และถ้าถูกจับกุมจะต้องนำตัวไปยื่นฝากขังต่อศาล ซึ่งหากไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจะทำให้การต่อสู้คดียุ่งยากขึ้น