วันที่ 10 ส.ค. 2567 นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะผู้ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล เปิดเผยถึงการเชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เลขาธิการพรรค ประชุมในช่วงเย็นวันที่ 12 ส.ค.นี้​ เป็นการนัดเพื่อส่งรายชื่อการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)หรือไม่  โดยนายภูมิธรรม หัวเราะ  ก่อนกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้เข้าร่วมการหารือในครั้ง และยืนยันว่าไม่เกี่ยวกัน เนื่องจากเป็นเพียงเรื่องการประสานงานที่ตนทำหน้าที่อยู่แล้ว​ เป็นการพูดคุยกันเฉพาะหัวหน้าพรรคและผู้แทนพรรคเท่านั้น ถือเป็นวาระปกติ ซึ่งจะเป็นการคุยกันก่อนที่จะกินข้าวร่วมกัน ยืนยันอีกครั้งว่าเป็นการพูดคุยกันปกติที่ทำเนียบรัฐบาล

 

เมื่อถามว่า จะมีการหารือในตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ที่ว่างลง​หรือไม่ว่าจะเป็นโควต้าของพรรคเพื่อไทยหรือพรรคภูมิใจไทยหรือจะเลื่อนให้ นายพิเชษฐ์​ เชื้อเมืองพาน​ รองประธานสภาคนที่ 2 ลาออก เพื่อมานั่งเป็นรองประธานสภาคนที่ 1 นายภูมิธรรม​  กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ เป็นเรื่องของสภาฯปล่อยให้สภาฯหารือ​

 

เมื่อถามต่อว่า พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลจำเป็นหรือไม่ ที่จะต้องได้ตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 นายภูมิธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่ได้พูดคุยกันแต่อย่างใด ซึ่งคงจะมีการหารือกันก่อนถึงวันเลือกตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1  และไม่แน่ใจว่าจะเลือกในวันที่ 14 ส.ค.นี้หรือเปล่า

 

เมื่อถามอีกว่า ในวันที่ 14 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยกรณีนายเศรษฐา​ ทวีสิน​ นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งนายพิชิต​ ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐบาลมีการเตรียมตั้งรับอย่างไร นายภูมิธรรม​ กล่าวว่า ไม่ได้เตรียมอะไร อย่างที่นายกฯ เคยกล่าวไว้แล้ว ก็ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม เป็นหน้าที่ที่ต้องปล่อยให้ศาลรัฐธรรมนูญได้ทำงานอย่างอิสระ ถูกต้องตามกระบวนการ ที่จะพิจารณา ในฐานะเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องก็ต้องรอดูเท่านั้นเอง ถ้าตัดออกมาเป็นอย่างไร เราค่อยดูสถานการณ์ตอนนั้นว่า ควรจะปรับปรุงแก้ไข เปลี่ยนแปลงอย่างไร ให้ศาลรัฐธรรมนูญได้ใช้ดุลยพินิจ​วินิจฉัยตามข้อกฎหมายและความเป็นจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้กังวลหรือติดใจในเรื่องนี้ ทุกพรรคมุ่งหน้าทำงานอย่างเดียว รอให้เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วค่อยมาว่ากัน

 

เมื่อถามย้ำว่า รัฐบาลไม่มีแผนรองรับเหมือนพรรคก้าวไกล ที่ถูกยุบแล้ววันรุ่งขึ้นสามารถไปต่อได้ทันทีใช่หรือไม่​  นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ แสดงว่าพรรคก้าวไกลคิดว่าเขาคงโดน​ เขาน่าจะมีความผิด​ เขาถึงได้เตรียมการ ขณะที่เราไม่ได้คิดอะไร ถูกผิดอยู่ที่ดุลยพินิจ เป็นปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย และการใช้ดุลยพินิจ ซึ่งเราเคารพกระบวนการยุติธรรมในการทำหน้าที่ไป​