วันที่ 9 ส.ค.2556 หลังจากที่ น้องออย น.ส.สุรจนา คำเบ้า อายุ 24 ปี ชาวบ้านดอนที่ หมู่ 3 ต.ริมโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย สามารถคว้าเหรียญทองแดงในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ปารีสเกมส์ รุ่นน้ำหนัก 49 กิโลกรัมนั้น พบว่าเบื้องหลังขความสำเร็จ หนึ่งในนั้นคือ คุณครูสมศิลป์ ขันธิกุล อดีตครูโรงเรียนริมโขงวิทยา ต.ริมโขง อ.เชียงของ ซึ่งพึ่งเกษียณอายุราชการไปได้เพียง 2 ปี โดยครูสมศิลป์ เป็นส่วนหนึ่งที่นอกจะทำให้น้องออ ยคว้าเหรียญในโอลิมปิก ยังเคยคว้า 1 เหรียญทองแดง ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ และคว้า 3 เหรียญทองในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ รวมทั้ง 3 เหรียญทองจากการแข่งขันเยาวชนโลก
ครูสมศิลป์ จบการศึกษาจากวิทยาลัยพลศึกษาเชียงใหม่ รุ่นที่ 9 และเมื่อครั้นที่น้องออย ยังเป็นเด็กได้เรียนระดับประถมศึกษาอยู่ที่โรงเรียนริมโขงวิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ครูสมศิลป์สอนวิชาพละอยู่นั่นเอง ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีก่อน น้องออย ด.ญ.สุรจนา ในขณะนั้นได้เข้าเรียนเหมือนเด็กชนบทชายแดนไทย-ลาว ที่ติดกับแม่น้ำโขงทั่วไป แต่เด็กหญิงคนนี้สามารถฝึกฝนพื้นฐานของกีฬาชนิดต่างๆ ได้อย่างถูกต้องจนเริ่มเป็นที่จับตาของคุณครูสมศิลป์ กระทั่งขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก็สามารถเล่นกีฬาต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย เช่น ฟุตบอล บาส วิ่ง ฯลฯ จนได้รับเลือกเป็นนักกีฬาของโรงเรียน
ชีวิตของน้องออ ยเริ่มพลิกผันเพราะครูสมศิลป์ เมื่อคุณครูได้ไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์อดีตศิษย์เก่าวิทยาลัยพลศึกษาเชียงใหม่ รุ่นที่ 9 และได้พบเจอกับเพื่อนร่วมรุ่นที่ทำงานอยู่โรงเรียนกีฬา จ.ชลบุรี ซึ่งกำลังเสาะหานักกีฬายกน้ำหนักให้เข้าไปฝึกฝนที่โรงเรียน ขณะนั้นน้องออยยังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แต่เมื่อครูสมศิลป์และเพื่อนเห็นพ้องตรงกันว่าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์และฝีมือด้านการกีฬาจึงได้ตกลงจะรับตัวไป ครูสมศิลป์จึงรับภาระเป็นเสมือนผู้ปกครองรองจากพ่อแม่ตั้งแต่นั้น โดยได้ไปขออนุญาตปู่และย่าซึ่งเลี้ยงดูน้องออยมาตั้งแต่เด็ก และบิดาและมารดาที่แยกทางกัน ซึ่งทั้งหมดก็เห็นชอบที่จะส่งไปเรียนเพื่ออนาคตที่ดี
ครูสมศิลป์ กล่าวว่า นับตั้งแต่นั้นผมต้องทำหน้าที่เป็นคนขับรถพาลูกศิษย์คนนี้ไปส่งที่ จ.ชลบุรี โดยเราเดินทางไปด้วยกัน 2 คน เพราะไม่คุ้นเคยเส้นทางจึงพากันหลงไปไกลกว่าจะไปถึงโรงเรียนก็ค่ำมืด หลังจากส่งน้องออยให้โรงเรียนและบอกเพื่อนที่เป็นโค้ชให้ช่วยดูแลแล้วก็ขับรถกลับเชียงรายตามลำพัง ปรากฎว่าไม่ถึงวันน้องออ ยก็โทรศัพท์มาขอให้พากลับบ้านเพราะน้องเป็นเด็กจากชายแดนเชียงรายไม่เคยออกบ้านไปไหน ที่สำคัญไม่เคยรู้จักใครเมื่อต้องไปอยู่กับคนแปลกหน้าในโรงยิมที่ฝึกซ้อมจึงร้องไห้ฟูมฟาย แต่ตนก็บ่ายเบี่ยงถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ ระหว่างขับรถกลับถึง จ.นครสวรรค์ น้องก็โทรศัพท์มาหาอีกหลายครั้งขอกลับบ้าน แม้ผ่านไปหลายวันอาการปรับตัวไม่ได้ก็ยังมีอยู่แม้แต่เพื่อนของตนที่เป็นโค้ชยังแนะนำให้ตนกลับไปรับน้องออยกลับ จ.เชียงราย ด้วยแต่ตนก็อดทนเพื่อให้อดีตลูกศิษย์คนนี้ได้มีอนาคตที่ดี
ย้อนกลับไปที่บ้านเลข 41/4 หมู่บ้านดอนที่ หมู 3 ต.ริมโขง อ.เชียงของ ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมของน้องออย พบว่าบิดาและมารดาได้แยกทางชีวิตกัน ที่บ้านจึงคงมีแต่นายสุทัศน์ คำเบ้า อายุ 77 ปี นางสี คำเบ้า อายุ 70 ปี ปู่และย่าของน้องออย อยู่ ส่วนขวัญชัย คำเบ้า อายุ 47 ปีแยกไปสร้างบ้านหลังใหม่ ซึ่งทุกคนต่างตั้งความหวังเอาไว้กลับเด็กน้อยจากเชียงของคนนี้ โดยมีครูสมศิลป์เป็นคนคอยประสานงาน บอกเล่าเรื่องราวความเป็นอยู่ หลายครั้งก็ควักเงินตัวเองช่วยเหลือความเป็นอยู่ของน้องออย กระทั่งเวลาผ่านไปหลายปี น้องออ ยก็สามารถปรับตัวได้และแสดงฝีมือการยกน้ำหนักโดยเฉพาะรุ่น 49 กิโลกรัม แต่การดูแลก็ยังไม่พ้นครูสมศิลป์ เพราะเมื่อติดทีมชาติหรือต้องเดินทางไปต่างประเทศครูสมศิลป์ ก็ต้องดั้นด้นขับรถจากชายแดนเชียงของ พาไปทำหนังสือเดินทางระหว่างประเทศหรือพาสปอร์ต รวมทั้งช่วยเหลือด้านอื่นๆ จนอดีตลูกศิษย์ค่อยๆ สร้างผลงานคว้าเหรียญรางวัลต่างๆ จนมาถึงเหรียญทองโอลิมปิกดังกล่าว ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจให้กับครูสมศิลป์ เป็นอย่างมาก
ครูสมศิลป์ กล่าวว่า หลังจากไปอยู่ที่ จ.ชลบุรี น้องออยก็กลับบ้านนานๆ ครั้ง บางครั้งเดินทางมาแข่งขันใกล้บ้านเกิดตนก็จะทำหน้าที่ไปขอตัวและรับส่งมายังบ้าน อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาน้องออยไม่สามารถเป็นตัวแทนนักกีฬาของ จ.เชียงราย หรือส่งผลต่อการต้อนรับหรือจัดกิจกรรมต่างๆ เพราะมีข้อตกลงเดิมว่าถ้าจะเข้าเรียนที่โรงเรีบนกีฬา จ.ชลบุรี ต้องโอนย้ายที่อยู่ไปอยู่ จ.ชลบุรี ดังกล่าวดังนั้นตนจึงคาดหวังว่าในอนาคตจะมีการโอนย้ายที่อยู่กลับมายัง จ.เชียงราย เพื่อให้น้องออยได้มีโอกาสกลับภูมิลำเนาหรือได้รับการสนับสนุนในฐานะชาวเชียงราย เพราะที่ผ่านมาการต้อนรับหรือสนับสนุนในฐานะชาวเชียงรายไม่สามารถทำได้มากนัก แม้จะคว้าเหรียญในรายการนานาชาติมาแล้วมากมาย.