วันที่ 27 ก.ค.67 พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย พ.ต.อ.รัฐพล น้อยช่างคิด  รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กนกนพวัชร์ ผกก.สภ.บ้านดู่ ได้ร่วมกันสอบปากคำ นายหลิน ชุน หง (Mr.LIN CHUN HUNG) สัญชาติไต้หวัน และ นายโสภณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ชาว ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย พร้อมตรวจสอบของกลาง เครื่องกระจายสัญญาณโทรศัพท์ หรือ Simbox จำนวน 1 ชุด พร้อมกับกระจายสัญญานอินเตอร์เน็ต 1 ชุด 

จากการสอบปากคำครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อเวลาประมาณ เวลาประมาณ 10.20 น.วันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนภาค 5  ได้รับข้อมูลตามโครงการจัดเก็บและวิเคราะห์ตำแหน่งหมายเลขโทรศัพท์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ (call center) ว่าอาจจะมีการกระทำผิดในพื้นที่ ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย จึงได้ทำการสืบสวนและเชื่อว่ามีการซุกซ่อนเครื่องมือ อุปกรณ์ อยู่โครงการอาคารชุดแห่งหนึ่งใน ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย  จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดเชียงราย ที่ ค.206/2567 เพื่อขอหมายค้น โดยได้ตรวจค้น อาคาร G ห้องG03 โดยได้ตรวจพบ กล้อง ip camera ยี่ห้อ tp-link model: tapo C200 จำนวน 1 เครื่อง  เครื่องกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ต ยี่ห้อ tp-link model:Archer MR600 จำนวน 1 เครื่อง  และสามารถจับกุม นายโสภณ  (สงวนนามสกุล) และ นายหลิน ชุน หง สัญชาติไต้หวัน 

จากการสอบสวนทราบว่า นายหลิน ชุน หง สัญชาติไต้หวัน ได้นำอุปกรณ์ต่างๆ มาติดตั้ง เพื่อกระจายสัญญาณโทรศัพท์ โดยเป็นการสุ่มหมายเลขออกไปเพื่อให้ปลายทางที่รับสายไม่สามารถระบุได้ว่าปลายทางของสายเป็นใคร และมาจากประเทศอะไร โดยได้จ้างวานนายโสภณ ให้เป็นล่ามในการช่วยประสานงานการทำงานวันละ 1,000 บาท  ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลบเลี่ยงการตรวจจับสัญญานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะได้ขยายผลหากลุ่มผู้ร่วมขบวนการต่อไป 

สำหรับการตรวจยึด Sim Box หรือเครื่องกระจายสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ซึ่งโดยทั่วไปไม่อนุญาตให้บุคคลทั่วไปติดตั้งใช้ส่งสัญญาณโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ซึ่งขณะตรวจค้นพบว่ามีการติดตั้งและเปิดทำงานอยู่ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการขอหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองตาม จ.289/67 และ จ.290/67 ของศาลจังหวัดเชียงราย และได้ดำเนินการจับกุมตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านดู่ ดำเนินการตามกฎหมายในข้อหา ร่วมกัน ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498, ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 11 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498, ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ตามมาตรา 67(3) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม