“สยามรัฐ” ยืนหยัดอยู่บนบรรณพิภพ และสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ด้วยปณิธาน “นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ ปคฺคณฺเหปคฺคหารหํ” แปลว่า “พึงชมคนที่ควรชม พึงข่มคนที่ควรข่ม”...*...
เล่นบทนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว สำหรับ สว.น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ที่หวังว่า “คนไทยจะลืมง่าย” กับสิ่งที่เธอทำ แต่ในยุคดิจิทัลนั้นเป็นเรื่องยาก ที่จะกลบฝังอดีตได้ ตามคำที่มีใครคนหนึ่งกล่าวไว้ ว่าถ้าอยากรู้ว่าตนเองเคยทำอะไรไม่ดีไว้ ให้เข้ามาเล่นการเมืองนั้นไม่เกินจริง เพียงแต่ประชาชนเรียนรู้ ว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะคนรวยและมีอำนาจ “กลับผิดให้เป็นถูก” แต่ไม่ได้หมายความว่าลืมในสิ่งที่ทำ …*…
โลกเราที่มันวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะขาด “หิริโอตัปปะ” ความ “ละอายเกรงกลัวต่อบาป” เมื่อไม่มีความละอาย และเกิดความด้านชาต่อสิ่งที่ทำแล้วก็ทำให้เกิดความ ไม่น่าเชื่อถือ ไม่น่าไว้วางใจ ที่สำคัญคือการไปสู่ศูนย์อำนาจได้ แม้จะคนจะอ้างว่า สว.ชุดนี้ ไม่ได้มีอำนาจเลือกนายกฯ แต่พวกเขายังมีอำนาจเลือกองค์กรอิสระ โดยเฉพาะองค์กรที่ตัดสินความดีงาม จริยธรรม อย่าง ป.ป.ช. ...*…
การปล่อยให้มีการแอบอ้าง หรือการสร้างภาพเข้าไปนั้น อาจสร้างความเสียหายในอนาคตที่ประเมินไม่ได้ คนทรงนี้แม้ดูเหมือนไม่อันตราย และคนไทยบางส่วนยังสงสารกลัวจะไม่มีที่ยืน แต่อย่าลืมว่า ที่ผ่านมานั้น “คนทรงปลอม” นี้ ได้ใช้ตำแหน่งจากการแอบอ้างนี้ เข้าไปร่วมอบรมกับหลักสูตรต่างๆ ในประเทศไทย ทั้งตำรวจ ทหาร ข้าราชการต่างๆ สร้างคอนเน็กชั่นไว้มากมาย เพื่ออะไร!? และยังจะได้ต่อยอดต่อไปในฐานะสว. …*…
จะว่าไป คนทรงนี้ มีอยู่มากมายในโลกออนไลน์ขณะนี้ ที่อยู่ๆกิจกรรมอลังการเวอร์วังระดับ VIP ก็มาโผล่ขึ้นหน้าฟีดของติ๊กต็อก หรือช่องทางออนไลน์ต่างๆ เมื่อไปตรวจดูประวัตินั้นก็ดำมืด มีเพียงข่าวประชาสัมพันธ์ที่อ้างว่าเป็นนักธุรกิจ เพื่อสร้างภาพ ปั้นโปรไฟล์เข้าไปผ่านหลักสูตรอบรมต่างๆ ของภาครัฐ ทำทรงรวย สายเปย์ทั้งที่ไม่รู้ว่าเอาเงินมาจากไหน เพื่อสร้างบารมีกับบรรดาผู้เข้าอบรมที่ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่า โทษฐานที่สนิทกันนั้นจะนำไปสู่ ผลประโยชยน์อะไรในอนาคต ที่บรรดาข้าราชกาเหล่านั้น เติบโตในสายงาน โดยที่ไม่มีใครรู้สึก เอะใจ ก็เพราะ “ผู้ใหญ่” ฝากมาอีกที และก็ไม่รู้ว่า “ผู้ใหญ่” ที่ว่านั้นก็โดนหลอกมา หรือเต็มใจให้หลอกโดยทำกันเป็นขบวนการ…*…
อ่ะ ที่ต้องอธิบายายืดยาวเช่นนี้ ก็เพราะมีเสียงติติงการทำหน้าที่สื่อว่าจะไปเสนอข่าวอะไรเล็กๆแบบนี้ ไปเสนอข่าวปากท้องไม่ดีกว่าหรือ ข่าวปากท้องสื่อก็นำเสนอ แต่การตรวจสอบบุคคลที่เข้ามาสู่อำนาจหน้าที่ กินเงินเดือนที่มาจากภาษีประชาชน ยังไม่รวมสวัสดิการต่างๆ และชาวคณะที่จะเข้ามาเป็นผู้ช่วยทีมงานอีก 8 คนนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก …*…
แต่เป็นเรื่องของ “จริยธรรมเบื้องต้น” ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และก็ไม่ใช่เรื่องการบูลลี่การศึกษาเพราะวุฒิสภาชุดนี้ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดเป็นเงื่อนไขไว้ แต่ให้มาจากสาขาอาชีพต่างๆ เพื่อความหลากหลาย และที่สำคัญคือ เข้าใจปัญหาความเดือดร้อนและความต้องการของกลุ่มอาชีพนั้น เพื่อสะท้อนมุมมองในการกลั่นกรองกฎหมาย หากกระบวนการพิสูจน์ได้ว่า ไม่ใช่ “ตัวจริง” ในสาขาอาชีพนั้นก็ต้องได้รับโทษทัณฑ์ ...*...
ที่มา:ศรพระราม (23/7/67)