วันที่ 5 ก.ค.67 นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบฯ กล่าวเชิญชวนบรรดาสายแคมป์ห้ามพลาดกับลานกางเต็นท์แห่งใหม่สุดชิลที่อยากให้ลองมาซึมซับบรรยากาศได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เพลิดเพลินใจให้คลายเหนื่อยล้ารับหน้าฝนกับทิวทัศนที่รายล้อมด้วยธรรมชาติที่มีเทือกเขาสลับซับซ้อนเป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นขวางระหว่างไทยและเมียนมา สัมผัสกับบรรยากาศของฝนพรำ จิบเครื่องดื่มผ่อนคลาย พร้อมตื่นมาชมบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยหมอกยามเช้า ซึ่งในช่วงฤดูฝนแบบนี้นักท่องเที่ยวจะได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มกับช่วงเวลาที่หาไม่ได้ในฤดูกาลอื่นเลยทีเดียว เหมาะที่จะเดินทางมาพักผ่อนกับกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัวในช่วงหน้าฝนนี้ เรียกว่าพอตื่นเช้าไปชมสัตว์ป่ากันต่อเลย ซึ่งพื้นที่นี้จะรายล้อมด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก มีเทือกเขาสลับซับซ้อน และยังเป็นแหล่งต้นน้ำที่คอยหล่อเลี้ยงชีวิตของผู้คนในจังหวัดประจวบฯ
และจากสภาพผืนป่าของอุทยานแห่งชาติกุยบุรีที่มีความอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้มีสัตว์นานาชนิดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช้างป่า ฝูงกระทิง วัวแดง และสามารถพบเห็นได้ง่าย จนได้รับการขนานนามว่า “กุยบุรี ซาฟารีเมืองไทย” พร้อมกันนี้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนหลายภาคส่วน โดยเฉพาะชาวบ้านหมู่บ้านรวมไทยที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาช้างป่าออกมากินพืชผลทางการเกษตร ได้ก่อตั้งชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรีขึ้น และได้จัดกิจกรรมชมสัตว์ป่าเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและชาวบ้านอีกด้วย สำหรับกิจกรรมชมสัตว์ป่านั้นจะเปิดในช่วงระหว่างเวลา 14.00-18.00 น. ซึ่งการเข้าไปยังพื้นที่ชมสัตว์ป่าจะต้องเช่ารถของชมรมท่องเที่ยวฯ เข้าไปยังจุดชมสัตว์ป่าทั้ง 4 จุด จุดที่ 1 จุดชมสัตว์ป่าโป่งสลัดได จุดที่ 2 หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กร.1 (ป่ายาง) จุดที่ 3 จุดชมสัตว์ป่าพุยายสาย จุดที่ 4 บริเวณหน้าผาจุดชมสัตว์ป่า ซึ่งในช่วงฤดูฝนนี้มีการรวมฝูงหากินของเหล่าสัตว์ป่าในบริเวณจุดชมสัตว์ป่าอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้เรามีโอกาสได้พบเห็นสัตว์ป่าเป็นจำนวนมากอย่างใกล้ชิดในฤดูกาลนี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่เพจ https://www.facebook.com/kuiburinp.thailand