วันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ที่บริเวณคลองคูเมืองเดิม หลังกระทรวงกลาโหม นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีทูตสหรัฐฯเข้าพบ เพื่อสนับสนุนเครื่องบินเอฟ 16 พร้อมทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ว่า สหรัฐฯมาเสนอขายธรรมดา อยากให้เราช่วยพิจารณา ซึ่งสหรัฐฯได้เสนอเงินกู้จนจบโครงการ ไม่ต้องทยอยซื้อ และมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านซ่อมบำรุงที่กองทัพอากาศไทยมีความต้องการ ซึ่งการจัดซื้อได้ 2 วิธี คือ ผ่อนชำระโดยใช้งบประมาณ และถ้าไม่ใช้งบประมาณก็ใช้วิธีกู้เงิน แต่วิธีหลังส่วนใหญ่ใช้ในการลงทุน และมีการคืนกำไร ซึ่งในการจัดซื้อเครื่องบินยังไม่เคยใช้วิธีนี้ ต้องศึกษาดู

เมื่อถามว่ากองทัพอากาศต้องการระบบดาต้าลิงก์ เอฟ 16 นายสุทิน กล่าวว่า ก็คุยกันอยู่ซึ่งทางสหรัฐฯบอกว่าเชื่อมได้ และเขาก็เสนอเรื่องนี้เช่นกัน เขายืนยันว่าระบบลิงก์ของเขาสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องบินรบที่ ทอ. มีอยู่ได้ ซึ่งเขาโฆษณาว่ามีความทันสมัย มีสมรรถนะเมื้อเทียบกับเครื่องบินรุ่นอื่นแล้ว ของเขาดีกว่าและเหมาะที่สุดในยุคนี้ ส่วนการแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตรนั้นเขาไม่ได้พูด แต่หากจะซื้อเครื่องบินเอฟ 16 จริง ทางไทยก็จะขอคุยเรื่องบาร์เตอร์เทรด ซึ่งก็ยอมรับว่าไม่ง่าย

เมื่อถามว่าหากเป็นเครื่องบินเอฟ 16 ส่งผลให้งบประมาณเพิ่มสูงขึ้นจากงบที่ตั้งไว้ หรือสิ่งที่ได้รับอาจจะน้อยลงเมื่อเทียบกับของชาติอื่น นายสุทิน ยอมรับว่า ก็อาจจะน้อยเครื่องลง แต่ยังอยู่ในกรอบงบประมาณเดิม หากเพียงพอก็ 4 เครื่อง ถ้าไม่เพียงพอก็ลดลง แต่จะไม่เพิ่มงบประมาณ อย่างไรก็ตามการพูดคุยกับทูตสหรัฐฯ ยังไม่ได้พูดถึงราคาว่าจะมีการลดราคาเครื่องบินเอฟ 16 หรือไม่ แต่เขาเสนอว่าหากอยากได้เป็นฝูงไม่ต้องผ่อนซื้อครั้งละ 4-5 เครื่อง เขาสามารถให้กู้

เมื่อถามว่า แต่ไทยต้องเสียดอกเบี้ยให้สหรัฐฯ เป็นจำนวนเงินที่สูงมาก นายสุทินยอมรับว่า ก็เอาเรื่องอยู่ แต่ยอมรับว่าทุกชาติก็เสนอเงินกู้เช่นกัน

เมื่อถามว่าสุดท้ายแล้วจะให้ความสำคัญในด้านใด ระหว่างความพร้อมรบ การถ่วงดุลอำนาจ และและสิ่งที่ประเทศจะได้รับในเรื่องของเศรษฐกิจ นายสุทิน กล่าวว่า ทั้ง 3 เรื่อง ต้องคิดไปพร้อมพร้อมกัน แต่เรื่องใหญ่สำหรับ ทอ. ไทยคือการเตรียมความพร้อมรบ และกำลังรบ เมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้าน เพราะปัจจุบันสิ่งแวดล้อมด้านความมั่นคงเปลี่ยนแปลงแล้ว เพื่อนบ้านเขามีการสะสมอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อแสดงแสนยานุภาพ ซึ่งตามข้อเท็จจริงแล้วการจะเคาะเลือกแบบเครื่องบินรบก็ต้องให้สิทธิ์ ทอ. เต็มที่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีอำนาจตัดสินใจทั้งหมด เพราะหากเป็นเรื่องงบประมาณก็ต้องฟังรัฐบาล รวมถึงการมองไปในอนาคตด้วย