จากกรณี 2 ผัวเมีย ถูกชายฉรรจ์ 2 คน อ้างเป็นตำรวจถือไม้คมแฝกบุกเข้าห้อง กล่าวหาขโมยรถ ยัดยาเสพติด จากนั้นรู้ความจริง 2 ชายฉรรจ์ไม่ใช่ตำรวจ จึงแย่งไม้จับซ้อมบังคับรับสารภาพ แจ้งตำรวจจริงมารับตัวคนร้าย กลับถูกจับดำเนินคดี เสียเอง
ความคืบหน้าล่าสุด ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เปิดเผยถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า สำหรับเคสนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2567 เนื่องจากคู่กรณีทั้ง คุณอัญชลี กับคุณแพรวา มีการรับจำนำรถกัน และในวันที่เกิดเหตุทางคุณแพรวาได้ติดต่อเพื่อขอไถ่รถที่จำนำไว้ ต่อมาได้มีการวางแผนในเรื่องของการจะนำยาเสพติดไปข่มขู่ และมีการทำร้ายร่างกายกัน ซึ่งในวันนั้นตำรวจสน.โคกครามได้รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกาย สายตรวจก็ได้ไปถึงที่เกิดเหตุก่อนก็ไปพบว่ามีชายถูกตีสลบที่หน้าห้องจึงได้มีการช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลเพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย ต่อมาฝ่ายสืบสวน สน.โคกคราม ได้เข้าไปยังห้องที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบว่าเป็นเหตุอะไร พอไปถึงก็พบทั้งสองคนมีการนั่งคร่อมและทำร้ายร่างกายกันอยู่
และคลิปที่ปรากฏในข่าวก็เป็นคลิปที่ฝ่ายของคุณอัญชลี เป็นผู้บันทึกไว้ไม่ใช่ตำรวจเป็นผู้บันทึก และตามที่ร้องเรียนว่าคนที่เข้าไปชุดแรกเป็นตำรวจ ข้อเท็จจริงคือไม่ใช่ตำรวจทั้ง 2 คน และทางพนักงานสอบสวน สน.โคกคาม ได้มีการดำเนินคดีไปแล้ว ในกรณีที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำตรวจ
ส่วนการดำเนินคดีแยกเป็น 2 ฝั่ง ทางฝ่ายคุณแพวา จากการสอบสวนปรากฏว่ายาเสพติดที่โรยในห้องเป็นของคุณแพรวา และพวก ส่วนนี้ได้มีการดำเนินคดี ส่งฟ้อง และศาลตัดสินลงโทษไปแล้ว โดยจำคุก 2 ปี 8 เดือน
ส่วนคุณอัญชลี ผู้ร้องเหตุอาจจะยังไม่เข้าใจเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะเข้าไปจับกุมโดยมิชอบ ซึ่งตอนเจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุม พบว่ามีการไปทำร้ายร่างกายผู้อื่นต่อหน้า จึงต้องถูกดำเนินคดีส่วนจะให้การยังไงก็เป็นสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา
ในส่วนที่ได้มีการร้องเรียนตำรวจชุดจับกุมจำนวน 10 นาย มาที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ตนเองได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ขึ้นในวันเดียวกันโดยมี พ.ต.อ.สุธี เสน่ห์ลักษณา รองผบก.น.2 เป็นผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งตอนนี้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้สรุปแล้วว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในวันนั้น มีการปฏิบัติตามระเบียบ โดยบันทึกภาพวีดีโอไว้ตั้งแต่เริ่ม และได้ส่งให้พนักงานสอบสวนนำไปประกอบในคดีแล้ว และผลในการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้มีการส่งหนังสือให้ผู้ร้องทราบแล้วเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 67 แต่จากการตรวจสอบพบว่าพนักงานไปรษณีย์ไม่สามารถส่งได้เนื่องจากบ้านพักปิดไม่มีผู้รับ หลังจากนี้ก็คงจะต้องทำหนังสือส่งไปให้ผู้ร้องทราบอีกครั้งหนึ่ง
ในส่วนของคุณอัญชลี ก็ถูกดำเนินคดี ทราบว่าเมื่อวันที่ 1 ที่ผ่านมาได้มีการนัดหมายที่จะส่งสำนวนไปพนักงานอัยการ แต่ไม่มาตามนัด ส่วนที่คุณอัญชลียังติดใจในกรณีการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจโดยไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่ สน.บางเขน ส่วนนี้สน.บางเขนได้ส่งเรื่องไปที่ ปปช.แล้วเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 67 ซึ่งเป็นกรณีเดียวกันโดยความเข้าใจว่า 2 คนแรกที่อ้างเป็นตำรวจนั้น ส่วนนี้ก็ได้ชี้แจงไปแล้วว่าไม่ใช่ตำรวจและได้ดำเนินคดีไปแล้ว
ต้องบอกว่าภาพที่ปรากฏตามสื่อต้องแยกเป็นส่วน คนที่เข้าไปที่ห้องที่เกิดเหตุครั้งแรกที่เข้าไปกับคุณแพรวา ไม่ใช่ตำรวจ ชุดที่ 2 เป็นสายตรวจของสน.โคกครามที่เข้าไประงับเหตุ ส่วนชุดสุดท้ายที่ปรากฏชาย 4-5 คนที่เดินออกจากลิฟเป็นฝ่ายสืบสวน ของสน.โคกคราม ที่เข้าไปตรวจค้นจับกุม การดำเนินคดีก็ต้องแยกเป็น 2 ส่วน การดำเนินคดีกับคุณแพรวา ที่เป็นคู่กรณีได้ส่งฟ้องศาล และตัดสินไปแล้ว ในเรื่องของการมียาเสพติดให้โทษ ส่วนที่ 2 เป็นกรณีที่คุณอัญชลี ไปทำร้ายร่างกายตามภาพ อันนี้ก็ต้องถูกดำเนินคดี แต่จะปฏิเสธหรือไม่อย่างไรก็เป็นสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา
และในส่วนที่ยังมีการไปร้องเรียนตำรวจว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในเรื่องของการที่ไปจับกุมดำเนินคดีทั้งที่เป็นเจ้าทุกข์ เป็นการจับกุมด้วยเหตุซึ่งหน้า และเรื่องที่ไม่ได้จับคนเจ็บที่ถูกตีจนสลบ ขอชี้แจงว่าในตอนนั้นสายตรวจไม่ทราบว่ามีความเกี่ยวข้องยังไงแต่เห็นว่าเจ็บก็ต้องนำส่งโรงพยาบาลแต่สุดท้ายไม่ได้ไปโรงพยาบาล เมื่อมาทราบภายหลัง ก็ได้ออกหมายจับเพื่อนำตัวมาดำเนินคดี ซึ่งผู้ที่ได้แอบอ้างเป็นตำรวจถูกจับแล้ว 1 คน อยู่ระหว่างติดตามอีก 1 คนคือผู้ที่ถูกตีจนสลบ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอย่างตรงไปตรงมา และจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่ายอย่างแน่นอน