“บิ๊กเต่า”ประกาศจับเทวดา ยันไม่หนักใจหลักฐานสาวถึงใครฟันไม่เลี้ยง เร่งตรวจสอบมือถือ”บอสพอล” คลิปเสียงส่วย "ดิไอคอน"  ผงะ! เจอนักร้องเรียนสาวคนดังรีดเงิน 10 ล้าน แลกไม่เปิดโปงขบวนการฉ้อโกง ด้าน”ทนายตั้ม”มอบหลักฐานเด็ด”ดีเอสไอ” เอาผิดนักการเมือง”ส” ข้อหาฟอกเงิน

 เมื่อวันที่ 21 ต.ค.67 น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเรียกร้องให้ตั้งคนนอกเข้ามาร่วมในคณะกรรมการสอบกรณี บริษัท ดิไอคอน  ว่า ต้องเรียนว่าการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคลิปเสียง องค์ประกอบเป็นการตั้งคนนอก ที่ไม่เกี่ยวกับ สคบ. โดยสิ้นเชิง ซึ่ง นายชาติพงษ์ จีระพันธุ์ อัยการอาวุโส เป็นประธานกรรมการ ก็เป็นผู้ที่มีความน่าเชื่อถือในการตรวจสอบ และเป็นผู้ที่มีความซื่อตรงในการทำงาน และมีความอาวุโสด้วย นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานดีเอสไอ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พยายามนำคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับ สคบ. มาเป็นคณะกรรมการ

สำหรับการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในการตรวจสอบ น.ส.จิราพร กล่าวว่า ต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือการสะสางใน สคบ. เพื่อให้เกิดความกระจ่าง และข้อเท็จจริง และทำให้ สคบ. กลับมาได้รับความน่าเชื่อถือ เป็นองค์กรที่มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น จึงมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสะสาง ดูข้อเท็จจริง และดูว่าจะนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างไรบ้าง ซึ่งในเรื่องนี้ นายชาติพงษ์ จีระพันธุ์ อัยการอาวุโส เป็นประธานกรรมการตั้งคณะอนุกรรมการมา 2 คณะ เพื่อหาข้อเท็จจริงในกรณีที่เกิดขึ้น 
เมื่อถามถึงการถอนใบอนุญาตตลาดขายตรง ของบริษัท ดิไอคอน ที่สอบถามกฤษฎีกาก่อนหน้านี้ ได้ให้ความเห็นมาแล้วหรือยัง น.ส.จิราพร กล่าวว่า เป็นการหารือกันภายใน ตอนนี้อยู่ในระหว่างรวบรวมข้อมูลหลักฐาน แต่เนื่องจากมีการจับกุมไปแล้ว จึงต้องร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการสอบสวนข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อประกอบว่าจะมีการเพิกถอนใบอนุญาตหรือไม่

ที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมคณะทำงาน บก.ปปป. ร่วมประชุมหารือแนวทางการตรวจสอบคลิปเสียงลับที่ถูกอ้างถึงนักร้องเรียน-นักการเมืองชื่อดัง ที่เรียกรับเงินจาก นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล หลังจากนายเอก (สงวนชื่อนามสกุลจริง) คนขับรถบอสพอลนำมือถืออีกเครื่องมามอบให้ตำรวจ

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า วันนี้มีการประชุม 2 เรื่อง เรื่องแรกเป็นเรื่องของความร่วมมือระหว่าง ป.ป.ช., ป.ป.ท., ปปป. ในการที่จะคลี่คลายเรื่องของรถโรงเรียนไฟไหม้ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่น่าจะเข้าข่ายในการกระทำความผิด ซึ่งในวันนี้มี สว.พาผู้เสียหายมาร้องเรียนด้วย โดยการประชุมในวันนี้เป็นการประชุมเรื่องนี้ครั้งที่ 3 เพราะเจ้าหน้าที่รัฐไม่ตรวจสอบรถอย่างละเอียดรวมไปถึงการตรวจสอบการวางถังแก๊สให้ได้มาตรฐานจนทำให้เกิดเหตุเพลิงไหม้

เรื่องที่ 2 คือคดีดิไอคอน กรุ๊ป ขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. และพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ยืนยันว่าจะทำให้รวดเร็วที่สุดและจะโปร่งใสเป็นธรรมตรวจสอบได้ และข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากเพจเฟสบุ๊กหรือกลุ่มที่ช่วยเหลือประชาชนต่าง ๆ ยืนยันว่ามีทั้งข้อมูลจริงและไม่จริง แต่ยังไม่อยากกล่าวหาว่าใครไม่จริงอย่างไร ขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน ส่วนในเรื่องรายละเอียดต่าง ๆ ขอประชุมหารือก่อนว่าจะมีแนวทางดำเนินการอย่างไร

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ในส่วนเรื่องมือถือเครื่องแรกของบอสพอลมีการเปิดและดึงข้อมูลออกมาแล้ว ส่วนเครื่องที่สองกำลังดำเนินการอยู่ มีการประสานข้อมูลที่จะเข้าไปเจรจาพูดคุยกับบอสพอลเพื่อทำการสอบสวน แต่ขณะนี้บอสพอลยังกักตัวอยู่ถึงวันที่ 23 ต.ค. แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะหาวิธีการดำเนินการให้เร็วกว่านี้

เมื่อถามว่า ถ้าคลิปเสียงโยงไปถึงนักการเมืองจะหนักใจหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง ซึ่งระหว่างการประชุม ก็จะมีการเปิดคลิปเสียงให้กับ ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. ร่วมดูด้วยเพื่อให้มั่นใจว่าตำรวจทำงานอย่างโปร่งใส ยืนยันหากโยงไปถึงใครไม่มีละเว้น ทั้งนี้ไม่หนักใจอะไร เพราะเราจะจับเทวดา

ขณะที่มีรายงานข่าวว่า หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวจากคนขับรถของ บอสพอล ก็ยังไม่สามารถที่จะตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ได้ เพราะมีเพียงบอสพอล ที่ทราบรหัสผ่าน แต่ตอนนี้ บอสพอลถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ และยังอยู่ในแดนกักโรค จึงยังไม่สามารถเข้าไปพบและสอบปากคำ พร้อมกับขอรหัสเปิดโทรศัพท์มือถือได้ จึงต้องรอให้ผ่านขั้นตอนการกักโรคก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจะสามารถเข้าไปพบ บอสพอล เพื่อเปิดดูข้อมูลในโทรศัพท์ว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์บ้าง ทั้งนี้ เบื้องต้น บอสพอล อ้างว่าไม่ได้จ่ายเงินให้กับนักการเมือง แต่จ่ายให้กับพวกนักร้องเรียน

ทั้งนี้ ยังมีรายงานข่าวจากแหล่งข่าวระบุอีกว่า กรณีที่มีนักร้องเรียนรีดทรัพย์นั้น เป็นนักร้องเรียนเพศหญิง แต่ไม่ได้อยู่ในวงการการเมือง และมักจะชอบบอกว่าตนเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแชร์ โดยได้มีการตบทรัพย์บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ไป 10 ล้านบาท เมื่อประมาณช่วงเดือน ก.พ. ถึง พ.ค. ที่ผ่านมา และบุคคลนี้ยังเคยไปแจ้งความที่ บก.ปคบ. ช่วงประมาณเดือน ก.พ. และร้องเรียนใส่ร้ายบริษัท จากนั้นบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ก็เคยไปแจ้งความว่าถูกรีดเอาทรัพย์ แต่หลังจากนั้นก็ไปถอนแจ้งความ เพราะกลัว เนื่องจากถูกบุคคลนี้ข่มขู่หลายอย่าง


นักร้องเรียนคนดังกล่าว ยังมักอ้างว่ารู้จักคนใหญ่คนโตที่มียศ แต่ไม่ถึงขนาดรู้จักกับระดับรัฐมนตรี แต่บุคคลที่นักร้องเรียนคนนี้แอบอ้างว่ารู้จักนั้น สามารถทำให้บริษัทเดือดร้อนได้ บริษัทจึงได้จ่ายเงินไปจำนวน 10 ล้านบาท เป็นเงินก้อนทีเดียว และมีการจ่ายเพิ่มไปอีก เพราะผู้หญิงที่มาตบทรัพย์รายนี้ มักจะขอเพิ่ม โดยให้จ่ายเป็นลักษณะการจ่ายผ่านมูลนิธิ

ด้าน  ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ บอสพอล เปิดเผยสั้นๆ ว่า ช่วงบ่ายวันนี้ตนจะเข้าไปเยี่ยมบอสพอล ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ส่วนเรื่องของโทรศัพท์ที่คนขับรถบอสพอลมามอบให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เพื่อให้ทำการตรวจสอบ ตนไม่ค่อยรู้รายละเอียด แต่โทรศัพท์เครื่องดังกล่าวเป็นอีกเครื่องหนึ่งที่บอสพอลมี และเป็นคนละเครื่องกับในวันที่ถูกจับกุมและโดนยึดไว้ตรวจสอบ

สำหรับกรณีที่ถูกรีดทรัพย์นั้น ยืนยันได้ว่า บอสพอลให้ข้อมูลกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ไปหมดแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ให้เป็นการทำงานของตำรวจ แต่บอกได้แค่ว่า มีพยานหลักฐานชัดเจน 1 คนแน่นอน ส่วนกรณีที่ตำรวจเตรียมพิจารณาแจ้งข้อหาฟอกเงิน เพิ่มเติมนั้น ทนายวิฑูรย์ กล่าวว่า ก็ไม่ได้เตรียมการอะไร ก็ให้ตำรวจแจ้งไป ส่วนทีมทนายความก็เตรียมสู้คดี ซึ่งทนายก็ได้อธิบายให้ฟังไปหมดแล้ว ซึ่งมั่นใจว่าสามารถสู้คดีได้ทุกเรื่อง

วันเดียวกัน ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เดินทางมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เพื่อยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ดำเนินคดีฟอกเงินกับนักการเมืองชื่อดังรายหนึ่ง (นาย ส.) จากกรณีที่ปรากฎคลิปเสียงเรียกรับเงินจากบอสพอล ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ

ทนายตั้ม เปิดเผยว่า ตนไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลของพยานหลักฐานได้ เพราะเป็นเรื่องในสำนวนคดี แต่ยืนยันว่ามีหลักฐานที่เป็นเส้นทางการเงินที่สามารถมัดตัวได้แน่นอน นอกจากนี้ตนมีข้อมูลว่าเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ช่วงประมาณ 20.00 น. นักการเมืองรายนี้ได้นัดพบกับบอสปีเตอร์ที่ร้าน Fast food แห่งหนึ่ง เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ช่วยเหลือหลังจากที่บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ถูกเปิดโปง โดยตนมีพยานหลักฐานจากร้านดังกล่าวชัดเจน

“ยืนยันว่ามีเด็ดกว่ากล้องวงจรปิดในร้านแน่นอน แต่ยังอุบเงียบไว้ก่อน เพราะให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน” ทนายตั้ม กล่าวและว่า  สาเหตุที่มองว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีฟอกเงิน เนื่องจากคดีมูลฐานของ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป เป็นเรื่องฉ้อโกงประชาชนและตามที่ปรากฏคลิปเสียงอย่างชัดเจนว่านักการเมืองรายนี้ เรียกรับเงินจากบริษัท  ดิไอคอน กรุ๊ป เดือนละกว่าแสนกว่าบาทเพื่อช่วยเหลือคดี จึงถือเป็นส่วนหนึ่งของการฟอกเงิน เลยนำมาสู่การแจ้งความฟอกเงินกับ DSI ใน