ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของนิด้าโพล เปิดเผยว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 39.77 ระบุว่า เชื่อมากว่ามี"ข้อตกลงลับทางการเมือง" ในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา  ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ร้อย 31.47 ค่อนข้างเชื่อว่า มีความพยายามของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะล้มรัฐบาล ภายใต้การนำของ นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสินด้วย  แม้ส่วนใหญ่ร้อยละ 28.70 จะไม่เชื่อว่า จะมีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีในเร็ว ๆ นี้ก็ตาม

แม้ผลสำรวจจะไม่ได้ลงลึกถึงเหตุผล ที่ประชาชนเชื่อเช่นนั้น  แต่หากอ่านจากบริบทการเมือง ในห้วงเวลาก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางกลับประเทศไทยอย่างเท่ๆ ของ “ลุงโทนี่”ทักษิณ ชินวัตร และการจัดตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้ว ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทยและพรรครวมไทยสร้างชาติ

โดยเฉพาะการยกมือโหวตให้ “เศรษฐา” เป็นนายกรัฐมนตรีของ สมาชิกวุฒิสภา ที่เชื่อกันว่า มีสัญญาณจาก “น้องเล็ก3 ป.”ปล่อยฟรีโหวต

และในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ของรัฐบาลเศรษฐา หลังถูก40สว.ร้องให้ถอดถอนนายกฯออกจากตำแหน่ง จากกรณีแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ได้กระบี่มือ 1 อย่าง วิษณุ เครืองาม มานั่งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ช่วยชี้ช่องรอด และด้วยแบ็กอัพของ “วิษณุ” ที่เชื่อกันว่าได้รับไฟเขียวจาก น้องเล็ก 3 ป. ไม่เช่นนั้น คงไม่ลงมาใช้มันสมองแก้การเมืองอีกครั้ง ทั้งที่มีปัญหาสุขภาพ

ที่สำคัญก็คือ วิวาทะของ “ทักษิณ” ที่พุ่งเป้าไปที่ “บ้านป่ารอยต่อ” สร้างความวุ่นวายให้กับรัฐบาลเศรษฐา ก็สะท้อนถึง ปฏิกิริยาของคนที่อยู่นอกดีล และปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม ก่อนสถานการณ์วันที่ 18 มิถุนายน 2567 มีรายงานว่า มีการเปิดเจรจารอบใหม่ กับคนในดีลเดิม และส่งผลรวมความสงบเรียบร้อยทางการเมือง

แม้ในช่วงของการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 จะมีกระแสข่าวเขย่าไปที่พรรคพลังประชารัฐ ว่าจะถูกปรับออกจากรัฐบาล ที่เชื่อกันว่า เป็นการส่งสัญญาณ “ตีปลาหน้าไซ” ให้พรรคพลังประชารัฐอยู่ในแถว

แต่กระแสข่าวดังกล่าว ก็ได้รับการปฏิเสธจาก “เศรษฐา” ว่าไม่เป็นความจริง

“ไม่ทราบว่าข่าวมาจากไหน แต่คนที่จดปากกาคือตน ตนคิดว่ายังไม่มี มาดูเรื่องปัญหาบ้านเมืองเป็นหลัก เราเล่นการเมืองให้มันน้อยลงหน่อยดีกว่า”เศรษฐา ระบุ

อีกทั้ง “เสี่ยอ้วน”ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี  และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมายืนยัน ว่าได้พบกับ “ผู้กองมนัส” ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ยังพูดคุยกันดี  ไม่มีปัญหาอะไร

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น สส.พรรคร่วมรัฐบาลได้โหวตรับหลักการร่างพรบ.งบประมาณผ่านไปด้วย 311 เสียงเรียบร้อย

ขณะที่หลังจากนั้น ร.อ.ธรรมนัส  ได้เข้าพบนายกัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐยังเหนียวแน่น ไม่ได้มีปัญหาอะไรและได้ขอบคุณนายกฯที่ให้สัมภาษณ์สื่อว่าจะไม่มีการปรับพรรคพลังประชารัฐออก พร้อมเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดรับประทานอาหารพรรคร่วมรัฐบาลในครั้งต่อไป

ส่วน “บิ๊กป๊อด”พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุถึงสถานการณ์ของพรรคพลังประชารัฐว่า “ปกติดี ไม่มีอะไร” และว่า เขายังไม่ได้พูดคุยกับ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังมีกระแสข่าวจะให้พรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล

และเมื่อถามว่า สถานการณ์ตอนนี้ในพรรคร่วมรัฐบาลยังดีอยู่ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท บอกว่า "ไม่รู้"

ท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่า โควตารัฐมนตรีของบ้านป่ารอยต่อ อาจถูกริบในการปรับครม.รอบหน้า  ที่คาดการณ์กันว่า จะเกิดขึ้นในห้วงเดือนกันยายน-ตุลาคม

 ในขณะที่มีรายงานว่าบ้านป่ารอยต่อ เตรียมรวบรวมไพล่พล หรือช้อปสส.จากพรรคก้าวไกล หากพรรคถูกยุบ ซึ่งจะทำให้มีอำนาจต่อรองทางการเมืองมากขึ้น

เกมจึงมีการชิงไหวชิงพริบและหักเหลี่ยมเฉือนคม ที่ไทม์ไลน์ในการยุบหรือไม่ยุบพรรคก้าวไกลนั้น ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อพรรคพลังประชารัฐไปด้วย

รวมทั้งไม่มีใครรู้ว่า “ทักษิณ”คิดอะไรในใจ  ในยามที่เขาจำกัดการเคลื่อนไหวเรื่องการเมืองให้เบาบางลง

แม้บางกระแส จะรายงานว่า ภายใต้ดีลการเมืองรอบใหม่นั้น ให้ “ทักษิณ”ยึดหลักปรองดอง ไม่เปิดเกมรบถล่มบ้านป่ารอยต่อ เหมือนที่ผ่านมา  ซึ่งจะเป็นการเดินเข้าทางเกมของขั้ว “ส้ม”

แต่ก็ไม่มีใครการันตีได้ว่า นับจากนี้บ้านป่ารอยต่อจะสงบนิ่ง ไม่แสดงอิทธิปาฏิหาริย์สั่นสะเทือนการเมืองเหมือนเช่นที่ผ่านมา!!