เจ้าหน้าที่ดีเอสไอหิ้วตัว ชนินทร์ อดีตผู้บริหาร STARK สอบเครียด เจ้าตัวยังปากแข็งปฏิเสธความผิด ปัดขนเงิน 8 พันล้าน ซุกต่างประเทศ  ทนายยันไม่ได้หนี กลับไทยเพื่อสู้คดี ลุ้นศาลให้ประกันตัว ยันชนินทร์ไม่รู้สึกวิตกหรือกังวลใจ
     
     ที่อาคารผู้โดยสารขาเข้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.67 เวลา 08.00 น. นายจักรพงศ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสัตวแพทย์ ชัยวัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานกรรมการ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีทุจริตหุ้นกู้ STARK ตามที่ทางการไทย และ DSI ได้ประสานกับทางการสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อขอให้ส่งตัวผู้ต้องหาตามหมายจับรายดังกล่าว กลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย ซึ่งเดินทางมาถึงเมื่อช่วงเวลา 07.00 น.

     ทั้งนี้ นายจักรพงศ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นับเป็นความสำเร็จของรัฐบาลที่สามารถประสานความร่วมมือกับทางการดูไบเพื่อนำตัวนายชนินทร์กลับมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปนานกว่า 8 เดือน ซึ่งได้ดำเนินการในรูปแบบภารกิจลับมาตั้งแต่สมัยตนเองยังดำรงตำแหน่งเป็นรมช.ต่างประเทศแล้ว เนื่องจากเป็นคดีที่มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของระบบเศรษฐกิจ และตลาดทุนไทย ซึ่งรัฐบาลไทย และนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญมาก และหลังจากนี้จะนำตัวนายชนินทร์ไปสอบสวนขยายผลต่อที่ดีเอสไอต่อไป เบื้องต้นจากการที่ได้คุยกับผู้ต้องหา เจ้าตัวอยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมในทางคดี
   

 ด้าน รักษาการอธิบดีดีเอสไอ กล่าวเสริมว่า หลังจากนี้คือการนำตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนที่ดีเอสไอ และควบคุมตัวไว้ก่อน เพื่อส่งต่อให้กับอัยการในช่วงบ่ายวันที่ 24 มิ.ย. ซึ่งอัยการจะนำสำนวนและผู้ต้องหาส่งฟ้องต่อศาลในวันเดียวกัน ส่วนจะได้รับการประกันตัวหรือไม่นั้น การคัดค้านการประกันตัวเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ส่วนการตัดสินเป็นอำนาจของศาล ซึ่งอัยการจะส่งฟ้องในวันที่24มิ.ย.นี้
 

   นายเรืองศักดิ์ สุขแสงสี ทนายความ กล่าวว่า ความจริงแล้วนายชนินทร์ไม่ได้หลบหนี และไม่ได้ทำความผิดอะไร ส่วนที่มีข่าวบอกว่า มีการขนเงิน 8 พันล้าน ไปต่างประเทศนั้น ไม่เป็นความจริง ไม่รู้ข่าวออกไปได้ยังไง ส่วนที่เดินทางกลับครั้งนี้ ก็เพราะอยากจะกลับบ้านจึงประสานกลับมาสู้คดี ไม่ใช่การจับกุม เพราะที่ดูไบทีนักโทษหนีคดีจำนวนมาก ถ้าจะจับทำไมไม่จับคดีอื่นด้วย เพราะคดีที่นายชนินทร์โดนมีอีกหลายคนที่มีพฤติกรรมแบบเดียวกัน แต่ทำไมถึงไม่โดนหมายจับ ไม่โดนฟ้อง ส่วนตัวนายชนินทร์ไม่ได้กังวลอะไร พูดคุยปกติ คุยกันล่าสุดยังบอกว่า เจอกันเมืองไทย เดี๋ยวก็ได้กลับแล้ว
 

   นอกจากนี้ นายเรืองศักดิ์ ยังกล่าวว่า ก่อนที่นายชนินทร์จะหนีออกไปต่างประเทศ ครอบครัวของนายชนินทร์บอกกับตนเองว่านายชนินทร์โดนคุกคาม จนกระทั่งอยู่ประเทศไทยไม่ได้ จึงต้องหลบหนี ซึ่งตนทาทราบทีหลัง ถ้าทราบก่อนก็จะบอกว่าอย่าหนีเลย ควรสู้คดี แต่ครอบครัวกลัวเรื่องความปลอดภัย เมื่อถามว่าใครคุกคาม ตนเองก็ไม่ทราบว่าใคร เพราะนายชนินทร์ไม่ได้บอก ซึ่งการคุกคามคนอื่นที่โดนคดีก็ต้องมีความผิดเช่นกัน หลังจากที่หนีตนก็ไม่ได้คุย นายชนินทร์ไม่ได้ใช้มือถืออีกเลย
   

 นอกจากนี้ ทราบมาว่า นายชนินทร์ได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมให้กับดีเอสไอและอัยการชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงทั้งหมดทั้งเส้นทางการเงินและข้อมูลต่างๆแต่ทางดีเอสไอและอัยการบอกว่าจะรับเรื่องไว้เฉยๆแต่ไม่รับพิจารณา เพราะตัวผู้ต้องหาไม่ได้มายื่นด้วยตัวเอง ทำไมบุคคลที่มีพฤติกรรมเดียวกับนายชนินทร์ กลับไม่ถูกตั้งข้อหาหรือถูกออกหมายจับเลย
     

สำหรับหลักทรัพย์ประกันตัว ยังไม่ได้เตรียมแต่ก็จะปฏิบัติตามกฎระเบียบทุกอย่าง หากศาลไม่ให้ประกันก็จะยอมรับสภาพ ซึ่งตนเชื่อมั่นในความยุติธรรมของศาลแต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ประกันหรือไม่ เพราะคนอื่นที่โดนคดีก็ไม่ได้ประกันเหมือนกัน
   

 ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ประสานความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศ ติดตามจับกุมตัว นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีทุจริต บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ฐานความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ฐานตกแต่งบัญชีและงบการเงิน ฐานฉ้อโกงประชาชนฯ ข้อหายักยอกทรัพย์และข้อหาฟอกเงินมูลค่าความเสียหายกว่า 14,778 ล้านบาท ซึ่งใช้เวลากว่า 8 เดือนในการติดตามตัว ผู้ต้องหาที่ทุจริตหลบหนีไปต่างประเทศกว่า 1 ปี กลับมาเข้าสู่กระบวนการได้สำเร็จ จึงขอชื่นชมนายกรัฐมนตรี รัฐบาล และเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่จริงจังต่อนโยบายปราบปรามการทุจริตในตลาดทุนและทุกระดับ
     

นายธนกร ยังได้ขอฝากรัฐบาลเดินหน้านโยบายการปราบปรามทุจริตในทุกแวดวง ทุกระดับอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การใช้งบประมาณของทุกกระทรวง ทุกกรม ข้าราชการประจำ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะตลาดทุนของไทย ขอฝากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ตรวจสอบเข้มงวดเกี่ยวกับบริษัทในตลาดทุนให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และป้องกันการทุจริต
     

 "คดีหุ้น STRAK ต้องใช้เวลาและกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อติดตามตัวผู้ต้องหานานถึง 8 เดือน ที่หลบหนีไปต่างประเทศ ซึ่งเป็นคดีที่มีผลกระทบกับนักลงทุนทั้งรายเล็ก รายกลาง และรายใหญ่ ส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อตลาดทุนไทย หากมีการเข้มงวดกวดขันให้รัดกุม จะสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนได้มากขึ้น"