ฤดูกาล แต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร ประจำปี เวียนมาถึงแล้ว  เพราะตามไทม์ไลน์  ในช่วงเดือน มิถุนายน  ผบ.เหล่าทัพ เริ่มจัดโผทหาร ในส่วนของแต่ละเหล่าทัพ

จากนั้น ราว กลางเดือน ก.ค. จะมีการหารือรอบแรก ระหว่างเหล่าทัพ ในเรื่องตำแหน่งแลกเปลี่ยน ที่จะต้อง ส่งนายทหารจากเหล่าทัพไป อยู่ บก.ทัพไทย และ สำนักปลัดกลาโหม  หรือ รับตัวกลับมาเหล่าทัพ

แต่ท้ายที่สุด กว่าที่ทุกตำแหน่งจะลงตัว  ก็ต่อเมื่อ เลือก ผบ.เหล่าทัพ หรือจัดวาง 5 เสือแต่ละเหล่าทัพ ให้ลงตัวก่อน

โดยในโผนี้ จะมีการเปลี่ยนตัว ผบ.ทบ. เนื่องจาก “บิ๊กต่อ” พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์  ผบ.ทบ. และ เปลี่ยนตัว ผบ.ทร. เพราะ “บิ๊กดุง” พล.ร.อ.อะดุง พันธฺุ์เอี่ยม จะเกษียณราชการ 30 ก.ย.2567 นี้

แต่ที่ดูจะฮอต กว่าเหล่าทัพใด แถมสตาร์ท ตั้งแต่ต้นฤดูกาล  ก็คือ ทบ.  นับตั้งแต่ พล.อ.เจริญชัย สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ นายทหารยศ พลตรี ผบ.มทบ. ในภาคอีสาน แกนนำ เตรียมทหาร 28 รุ่นดัง ที่กำลังมาแรงในทบ.

เหตุผล ไม่เป็นที่เปิดเผย จนร่ำลือกันไปต่างๆนานา  แต่ที่แปลกคือ  มีการส่งมอบหน้าที่ ให้ รองผบ.มทบ. ทำหน้าที่รักษาการ โดยทันที เมื่อ 31 พ.ค.2567   โดยไม่ได้ปล่อยให้เป็นเรื่องเงียบๆภายในหน่วย เช่นที่ผ่านมา หากมีการถูกโยกย้ายในลักษณะ นี้ แต่ในการแต่งตั้งโยกย้าย ระดับนายพล ครั้งนี้  พล.อ.เจริญชัย  ก็จะต้องแต่งตั้งผบ.มทบ. คนใหม่ แทน  โดยมีการตั้งข้อสังเกตุว่า เพราะเป็น ตท.28 ด้วยหรือไม่  เพราะเป็นรุ่นที่โตเร็ว เกินรุ่นพี่

ต้องยอมรับว่า ในยุค “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ เป็น ผบ,ทบ.3 ปี ถือเป็นยุคเฟื่องฟูของ ตท.28  แต่เมื่อ มาสู่ยุค พล.อ.เจริญชัย  บรรดา ตท.28 ต้องพยายามลดบทบาท  อยู่กันแบบเงียบๆ

จากที่เคยมาแรง จะแซงโค้ง ขึ้นแม่ทัพภาค1  ก็ต้องมาเข้าคิวรอ  โดยจะเห็นได้ว่า มี ตท.28 เป็นรองแม่ทัพภาค1 จ่ออยู่ถึง 3 คน ทั้ง “บิ๊กไก่” พล.ต.วรยส เหลืองสุวรรณ  “บิ๊กมด” พล.ต.อาจิณ ปัทมจิตร และ “บิ๊กกอล์ฟ” พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์

แต่ในยุค พล.อ.เจริญชัย นี้ คาดกันว่า  “บิ๊กใหญ่” พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพน้อยที่ 1 รุ่นพี่ ตท.27 จะได้เป็น แม่ทัพใหญ่ สมชื่อ นั่งแม่ทัพภาค1 เพราะนอกจาก เติบโตมาในเส้นทางเหล็ก ในสาย ทหารเสือราชินี ร.21 รอ. และ กองพลบูรพาพยัคฆ์ พล.ร.2 รอ. แล้ว ยังเป็นน้องเลิฟ ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  องคมนตรี และอดีตนายกฯและผบ.ทบ. ด้วย

เพราะหาก ขึ้นแม่ทัพภาค1 นั่นหมายถึง พล.ท.อมฤต จะเป็นแคนดิเดท ผบ.ทบ. ในอนาคต นี้ด้วย เพราะมีอายุราชการถึง ต.ค.2571

จนมีการปล่อยข่าว ตั้งข้อสงสัย ถึงเอกสาร กองทัพภาค 1 กรณี หักค่าไวไฟ พลทหาร หลุดออกมา ว่า เป็นส่วนหนึ่งของการเลื่อยขาเก้าอี้  หริอ ดิสเครดิต “บิ๊กรุ่ง” พล.ท.ชิษณุพงศ์  รอดศิริ แม่ทัพภาค1 เพื่อน ตท.26 ของ “บิ๊กปู” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์  เสธ.ทบ. แคนดิเดท ผบ.ทบ.  หรือไม่  แต่ทว่า พล.ท.ชิษณุพงศ์  ก็ไม่ได้เป็น แคนดิเดท ผบ.ทบ. แต่ต้องขยับในโผนี้  ขึ้น 5 เสือทบ. รอเกษียณ จึงไม่น่าใช่เป้าหมาย  แต่อาจเป็น ปัญหาภายใน ทัพภาค1 เอง

อย่างไรก็ตาม ในระยะนี้ มีการจับตามองไปที่ “บิ๊กตั้ง" พล.ท.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล แกนนำ ตท.27 สายวงศ์เทวัญ เพราะโผโยกย้าย ตค.ที่แล้ว ถูกโยกจาก รองแม่ทัพน้อย1 เข้า บก.ทบ. เป็น รองเสธ.ทบ. จากสายกำลังรบ มาสู่สายบุ๋น  จากเดิม ที่ถูกจับตามองว่า จะขึ้นแม่ทัพภาค1 แต่โผนี้  บทบาทของ พล.ท.ธวัชชัย ซึ่งเป็น วงศ์เทวัญคอแดง  ก็ทำให้ถูกโฟกัสว่า จะได้โยกกลับมา เป็นแม่ทัพภาค1 หรือไม่

แต่ก็มีกระแสข่าวว่า พล.ท.ธวัชชัย อาจเดินตามรอย “บิ๊กอ๊อบ” พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี  ผบ.ทหารสูงสุด  ที่อาจจะต้องไปเติบโต ที่บก.ทัพไทย  ข้ามไปเตรียมจ่อเป็น ผบ.ทหารสูงสุด คอแดง ในอนาคต เพราะเกษียณ ต.ค.2572

แต่ ผบ.ทหารสูงสุด คนต่อไป ที่จะมาแทน พล.อ.ทรงวิทย์  ที่จะเกษียณ ตค.2568  จะต้องเห็นกันในโผนี้ เพราะ ทบ.จะต้องส่ง มาจ่อ เป็น ผบ.ทหารสูงสุดก่อน แล้วค่อยขึ้นสู่ยอด นั่งเสือป่า 1 นั่นย่อมหมายถึง นายทหารคอแดง ที่พลาดเก้าอี้ ผบ.ทบ.

กฎเหล็ก ที่ “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์  ตั้งไว้ตอนเป็น ผบ.ทหารสูงสุด 3 ปี  คือ  ทบ.จะต้องส่งมา เป็น รอง ผบ.ทหารสูงสุด ก่อน เพื่อเรียนรู้งาน ในบก.ทัพไทย และแปรสภาพจาก คนทบ. เป็น คน ทัพไทย ก่อน อย่างน้อย 1 ปี

เช่นที่ พล.อ.ทรงวิทย์  ก็ถูกส่งจาก ทบ. มาเป็น รองผบ.ทหารสูงสุด ก่อน 1 ปี แล้วขึ้น ผบ.ทหารสูงสุด คอแดง คนที่ 2

โดยจะสงวน เก้าอี้ เสนาธิการทหาร  แม่บ้านเสือป่า ให้คนในทัพไทย ได้เติบโต  แม้ก่อนหน้านึั  พล.อ.เฉลิมพล จะข้ามจาก ทบ.มาเป็น เสธ.ทหาร  ก่อนขึัน ผบ.ทหารสูงสุด นั้น เพราะ เติบโตมาจาก สายยุทธการ ด้วย และเคยเป็น เจ้ากรมยุทธการทหารบก  แม้จะโตจากสายคอมแมนด์ เคยเป็น ผบ.พล.ม.2 รอ. ก็ตาม  แต่ พล.อ.เฉลิมพล ก็รับทราบปัญหาภายใน ทัพไทย ที่ควรให้คนใน ได้เป็น เสธ.ทหาร ดังนั้น พล.อ.ทรงวิทย์ จึงต้องมาเป็น รองผบ.ทหารสูงสุด ก่อน

ดังนั้นในโผนี้  พล.อ.ทรงวิทย์  ได้วางตัว “บิ๊กจุ๊ฟ” พล.อ.ชิดชนก นุขฉายา  ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ  แกนนำ ตท.26  จ่อไว้แล้ว ท่ามกลางกระแสข่าว ที่ว่า หาก “บิ๊กปู” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์  เสธ.ทบ. พลาดเก้าอี้ ผบ..ทบ. ก็จะ  ข้ามมาเป็น เสธ.ทหาร เพื่อเป็น ผบ.ทหารสูงสุด คอแดงคนที่ 3 แต่ก็มีข่าวสะพัดว่า ติดกฏเหล็ก ทัพไทย ที่ให้เป็นโควต้า คนใน เสือป่า ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม  กระแสข่าวนี้ สะพัดในบก.ทัพไทย  ก่อนที่จะเกิดการตั้งคำถาม ในทบ. เพราะหาก มีการเปลี่ยนแปลง สัญญาณ ที่เคยไฟเขียว ให้ พล.อ.พนา ขึ้นฟาสต์แทรค ขึ้นพรวดจาก รองแม่ทัพภาค 1 เป็นแม่ทัพภาค 1  หลังได้ไปฝึก หลักสูตรทหารคอแดง ทรานส์ฟอร์มเมอร์ จาก ทหารคอเขียว เป็นทหารคอแดง

ก่อนหน้านีั มีข่าวสะพัดในสายคอแดงว่า จะมีการคืนความชอบธรรมให้  “บิ๊กหนุ่ย” พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ  รุ่นพี่ ตท.24 ที่เคยถูก พล.อ.พนา  ปาดหน้า เสียบเป็นแม่ทัพภาค1 และถูกเด้งจาก แม่ทัพน้อย1 มาเป็น พลเอก ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ.  ก่อนเป็น ผช.ผบ.ทบ.ในเวลานี้

อีกทั้ง มันเป็นจังหวะที่ พล.อ.พนา พลาดเก้าอี้ ผช.ผบ.ทบ.  แต่ต้องมาเป็น เสธ.ทบ.  ในโผ ตค.ที่ผ่านมา แม้จาก เสธ.ทบ. จะขึ้น เป็น ผบ.ทบ.ได้ ก็ตาม  แต่ก็ต้องเด้งรุ่นพี่ ตท.24 ทั้ง 2 คนที่อาวุโส กว่า คือ ทั้ง  พล.อ.ธราพงษ์  และ “บิ๊กหยอย” พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์  ผช.ผบ.ทบ. ออกจาก ทบ.  ซึ่งนั่นหมายถึง คนหนึ่ง ต้องไป บก.ทัพไทย และ อีกคนต้องไปโต ที่ กลาโหม

เพราะหาก พล.อ.พนา พลิกกลับมาแรงได้เท่าเดิม  คาดว่า พล.อ.ธราพงษ์  คงต้องเตรียมไปเป็นรองผบ.ทหารสูงสุด  และจ่อเป็น ผบ.ทหารสูงสุด คอแดง คนที่3 

ส่วน พล.อ.อุกฤษฏ์ ข้ามไปจ่อ  เป็นรองปลัดกลาโหม  เพื่อเตรียมเป็นปลัดกลาโหม  คอเขียว ต่อจาก “บิ๊กหนุ่ม” พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกห. เพื่อนร่วมรุ่น ตท.24 ที่จะเกษียณ ตค.2568 นี้ ส่วน พล.อ.อุกฤษฏ์ เกษียณ ตค.2570  ตามแผนเดิม

แต่คาดว่า กระแสข่าวที่ออกมา ว่า พล.อ.พนา แผ่วปลายต้องข้ามไปอยู่ บก.ทัพไทย นั้น เกิดจาก ความแผ่วของ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์  อดีตผบ.ทบ.. และ พล.อ.ณรงค์พันธ์  ที่พ้นเก้าอี้ ผบ.ทบ. ไป แล้ว   เพราะ ทั้งคู่ถือเป็นกองหนุน ของ พล.อ.พนา

แม้ที่ผ่านมา จาก เสธ.ทบ. ขึ้น ผบ.ทบ. ได้ก็ตาม แต่ในระยะหลัง จะต้องขึัน เป็น ผช.ผบ.ทบ. และรอง ผบ.ทบ. ก่อน เช่น พล.อ.ประยุทธ์  และ “บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร จาก แม่ทัพภาค1 ขึ้น เสธ.ทบ. แล้วขึัน รองผบ.ทบ. ก่อนขึ้น ผบ.ทบ.

แต่มีการต่อจิ๊กซอว์ ว่า นี่เป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ ทำไม ในโผตค. ที่แล้ว  พล.อ.พนา จึงขึ้น เสธ.ทบ.  เสมือน เพื่อให้ เตรียมทำงาน ในสายบุ๋น ฝ่ายอำนวยการ ก่อน เพื่อเตรียมให้ข้ามไปเป็น เสนาธิการทหาร เพราะ จาก แม่ทัพภาค1 เป็นสายคอมแมนด์ มักจะไม่ถนัดมาทำหน้าที่ ฝ่ายอำนวยการ ที่ต้องรอบรู้ งานสายยุทธการ และสายต่างๆ เสมือน แม่บ้าน ทบ.

เช่นนี้  จึงทำให้เกิดกระแสข่าวสะพัด การข้ามห้วยของ พล.อ.พนา   ประกอบกับ พลังของ ตท.24  ที่มี พล.อ.สนิธชนก และ พล.อ.ทรงวิทย์  เป็นแกนนำ ที่จะผลักดัน เพื่อนร่วมรุ่น ให้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. และ ผบ.เหล่าทัพ แบบยกแผง  โดยมี “บิ๊กไก่” พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล  เป็นผบ.ทอ. ที่เป็นแกนนำ ตท.24 อยู่แล้ว

ดังนั้น  พลังของ ตท.24 ที่จะผลักดัน พล.อ.ธราพงศ์  หรือ  พล.อ. อุกฤษฏ์ ขึ้นชิง ผบ.ทบ. จึงน่าจับตามองยิ่ง  ในเมื่อ ยังมีอายุราชการ กันอีก 2-3 ปี พล.อ.ธราพงศ์  เกษียณ ตค.2569  พล.อ. อุกฤษฏ์ เกษียณ ตค.2570 ส่วน พล.อ.พนา เกษียณ ตค.2571  ทำให้ ต้องสู้กัน เพราะ พล.อ.พนา คงไม่รอ ให้ รุ่นพี่ ตท.24 เป็น ผบ.ทบ. จนเกษียณหมด แล้ว ตนเองค่อยขึันนั่ง แค่ 1-2 ปี แต่ตามแผนเดิม คิอ นั่งยาว 3 ปี

และหาก พล.อ.พนา ยังวนอยู่ใน 5 เสือ ทบ. พล.ท.อมฤต คู่แข่งที่น่าเกรงขาม ก็จะเติบโตขึันมาทัน  หาก พล.ท.อมฤต ได้เป็น แม่ทัพภาค1 ในโผนี้

ดังนั้น การโยกย้ายครั้งนี้ จึงมิอาจยอมกันได้ ทั้ง ตท.24 ตท.26 ตท.27 และ ตท.28  อุณหภูมิ กองทัพ เลยกรุ่นๆ พอกับการเมืองเลยทีเดียว