วันที่ 19 มิ.ย.2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ โดยมีนายมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 เป็นจำนวน 272,700 ล้านบาท วาระแรก  ต่อมาเวลา 13.50 น.น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 ในธีม Ignore Thailand ล้อ Ignite Thailand ซึ่งเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล ว่า งบประมาณปี 2568 ทำให้ประเทศไทยทำลายสถิติใหม่ทางการคลัง เป็นการตั้งงบรายจ่ายลงทุนสูงที่สุดในรอบ 17 ปี และมีการตั้งงบสูงสุดหลายตัว ตั้งงบขาดดุลต่อจีดีพี หรืองบขาดดุลสูงที่สุดในรอบ 36 ปี งบที่ตั้งไว้ชำระดอกเบี้ยสูงที่สุดในรอบ 14 ปี หนี้สาธารณะต่อจีดีพีสูงที่สุดในรอบ 29 ปี ขณะที่สัดส่วนการชำระคืนเงินต้นของเงินกู้สูงที่สุดในรอบ 31 ปี ทั้งนี้ในปีปกติที่ไม่ใช่วิกฤติ ประเทศไทยไม่เคยกู้เงินมากมายขนาดนี้มาก่อน เราไม่เคยทำแบบนี้ ถือเป็นความกล้าหาญมาก เพื่อเอามาชดเชยการขาดดุล จึงดูเหมือนว่ารัฐบาลเริ่มเสพติดการขาดดุล กู้เต็มแม็คทุกปี แม้หมดโควิดแล้วก็ยังกู้เต็มแม็ก

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ปัญหาคือเมื่อใช้จ่ายเกินตัวไป หาเงินไม่ทัน ทำให้ชีวิตเสี่ยง แต่รอบนี้ไม่ได้เสี่ยงแค่คนๆ เดียว เพราะรัฐบาลนี้ที่ใช้เงินมือเติบ จะพาเราไปเสี่ยงด้วย ซึ่งหากมีสถานการณ์วิกฤติ จะไม่มีเงินรองรับ รัฐบาลทำตัวโนสนโนแคร์ ทำเพื่อให้มีเงินมากพอที่จะทำโครงการเดียวคือดิจิทัลวอลเล็ต ทำให้ต้องกู้เต็มเพดาน 2 ปีติดกัน

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอุทานว่า “คุณพระ” ให้กับสัดส่วนรายจ่ายลงทุนที่สูงสูงสุดตั้งแต่ปี 2549 ที่ 24% เมื่อไปดูพบว่าไปรวมเงินดิจิทัลวอลเล็ตกว่า 80% ของงบโครงการด้วย เราก็รู้กันอยู่ว่าส่วนใหญ่เมื่อแจกเงินไปแล้ว เอามาใช้จ่ายเพื่อการบริโภค เมื่อมองแล้วจะเอามาเป็นงบลงทุนได้อย่างไร ตนก็ยังคิดไม่ออก ซึ่งหากลองตัด 80% ของบดิจิทัลวอลเล็ต จะพบว่ารายจ่ายของเราอยู่แค่ 20.8% แต่ยังมีชนวนที่ชวนสงสัยอีกว่า นอกจากการยัดเงินงบดิจิทัลวอลเล็ต ทำให้งบลงทุนดูโปร่ง รัฐบาลดูดี แต่ยังตัดงบประมาณรายจ่ายประจำบางตัว เพื่อเปลี่ยนเป็นงบลงทุน รวมแล้วกว่า 167,000 ล้านบาท ดังนั้นเมื่อดูงบลงทุนจริงๆแล้ว จะเหลือแค่ 16.4% และหนี้สาธารณะต่อจีดีพีก็สูงที่สุดในรอบ 29 ปี ต่อเนื่องมาตั้งแต่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ดังนั้นในปี 2570 คาดว่าจะมีหนี้สาธารณะกว่า 68.9% และเตรียมส่งต่อหนี้ก้อนใหญ่นี้ให้กับรัฐบาลชุดต่อไป

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า สำหรับงบที่เพิ่มขึ้นมาก แต่เหลือใช้ได้จริงแค่ 1 ใน 4 ซึ่งไม่ถึง 1 ล้านล้านบาท ขณะที่รัฐบาลตั้ง 142 ประเด็นนโยบาย โดยสำนักงบประมาณมาชี้แจงว่างบ 68 นั้น สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลถึง 2.5 ล้านล้านบาท ฟังเผินๆดูดีมาก จึงตั้งคำถามว่าอันนี้รวมเงินเดือนข้าราชการด้วยหรือไม่ ตนจึงคิดว่ารัฐบาลถูกข้าราชการย้อมแมว นำโครงการเดิมสมัยพล.อ.ประยุทธ์ มาแปะป้ายใหม่เป็นนโยบายเศรษฐา

“ที่เลวร้ายที่สุดคือ โครงการ 8 วิสัยทัศน์ Ignite Thailand ไม่ปรากฏเป็นรูปธรรมในงบ ปี 68 ซึ่งมีข้ออ้างมากมายที่จัดงบไม่ทัน โดยเฉพาะนโยบายซอฟพาวเวอร์กล่องดวงใจ กลับถูกหั่นงบเหลือไม่ถึงครึ่ง เรียกได้ว่าสำนักงบตัดหมดไม่สนลูกใคร ถ้าท่านมีความพยายามที่จะผลักดันนโยบายอื่นให้ได้ครึ่งหนึ่งของดิจิทัลวอลเล็ต ก็จะดีมากๆ เพราะมันไม่ใช่แค่งบประมาณการคลัง แต่รวมถึงสมาธิของครม.ด้วย ที่ต้องถูกทุ่มไปกับโครงการเดียวคือดิจิทัลวอลเล็ต

และคงต้องลุ้นกันต่อไปว่าจะได้ทำหรือไม่ ซึ่งหากเงินดิจิทัลวอลเล็ตหาเจ้าภาพในการจัดสรรงบไม่ได้ ก็ไม่ควรใช้งบกลาง ดิฉันจึงตั้งคำถามว่าผิดมาตรา 22 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง หรือไม่ ดังนั้นขอจบเรื่องนี้ด้วยการฝากไปยังข้าราชการประจำทั่วประเทศ ที่ซื่อตรงต่อหลักการ หลักวิชาการที่ร่ำเรียนมา หากพบว่ามันมีความผิดปกติ ขอให้ส่งหนังสือท้วงติงอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งทางกฎหมาย ทางหลักวิชาการ ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว