วันที่ 20 มี.ค. 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามสด เรื่อง ถนนพระราม 2 ต่อนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แต่นายสุริยะ ติดภารกิจ จึงมอบหมายให้นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นผู้ตอบแทน
นายสุรเชษฐ์ สวมใส่สูทสีดำ แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมกล่าวว่า โครงการนี้มีมูลค่าขนาดใหญ่ทำให้ต้องตั้งคำถามถึงนายกรัฐมนตรีว่าได้เรียกประชุมแล้วมีอะไรสำเร็จเป็นรูปธรรมบ้าง เพราะเหตุการณ์นี้ถือเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ที่ไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศไทยหรือประเทศใดในโลก
“นี่เป็นภาพความผิดพลาดในเชิงวิศวกรรม เป็นความล้มเหลวที่ไม่อาจยอมรับได้ ถือความเป็นความอัปยศของการบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่ใส่ใจเรื่องความปลอดภัย เรื่องนี้ต้องมีคนผิด หากเราเดินทางด้วยถนนพระรามสยอง ขาเข้าก่อนเข้าทางด่วนด่านดาวคะนองเพียงเล็กน้อย เราจะเห็นโครงสร้างเสาและคานขนาดใหญ่ขนาดมหึมาอยู่บนหัว น้ำหนักร่วม 1,000 ตัน ไม่อยากนึกภาพว่าถ้าตกลงมาจะเป็นอย่างไร มันดูไม่จืดเลย ปล่อยปะละเลยให้พังกันมาได้อย่างไร” นายสุรเชษฐ์ กล่าว
นายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้ามีการวางแผนและควบคุมการก่อสร้างที่ดี ประเทศเราไม่ได้ขาดความรู้ความสามารถด้านวิศวกรรมในการควบคุมการก่อสร้างขนาดใหญ่แบบนี้ เราเคยทำงานสเกลใหญ่กว่านี้ด้วยซ้ำ วิศวกรไทยสามารถทำได้อย่างปลอดภัยมาแล้ว
ความผิดพลาดในครั้งนี้มีผู้เล่นหลักอยู่ 3 ราย รายแรกคือผู้รับเหมา รับเงินไป 7,359 ล้านบาท ตามสัญญา , รายที่ 2 คือบริษัทที่ปรึกษา ที่ถูกสร้างมาเพื่อควบคุมงาน รับเงินไป 392 ล้านบาท และรายที่ 3 ได้แก่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ซึ่งจะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้ รัฐมนตรีต้องรับผิดชอบต่อความล้มเหลวที่เกิดขึ้น ดังนั้น ต้องสรุปว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดขึ้นได้อย่างไร จะซื้อเวลา ลูบหน้าปะจมูก ทำในเรื่องสมุดพกที่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ มันไม่ได้
นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า โครงสร้างอำนาจในการตรวจสอบเรื่องนี้มีช่องว่างทางกฎหมายอยู่ ไม่มีการสอบสวนอุบัติเหตุในเชิงลึกที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญที่มีอำนาจหน้าที่ สิ่งที่มีอยู่คือการหาอาสาสมัครอาสามาเติมเต็มช่องว่างจากหน่วยงานวิศวกรรมต่างๆ ช่องว่างทางกฎหมายนี้อันตรายมาก อาจทำให้มีการฟอกขาว ให้เป็นเหตุสุดวิสัย
นายสุรเชษฐ์ ตั้งคำถามว่า รัฐมนตรีได้สั่งการให้เก็บหลักฐานอย่างครบถ้วนแล้วหรือไม่ ก่อนสั่งให้ทำบิ๊กคลิ่นนิงเดย์ จะส่งรายงานเพื่อตอบคำถามสู่สังคมได้ภายในเมื่อไหร่ และเมื่อครบ 30 วันจะมีอะไรมาโชว์บ้าง
จากนั้น นางมนพร ลุกตอบว่า ปัญหาการก่อสร้ายังมีความล่าช้าอยู่ เนื่องจากโครงการดังกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2558 โดยช่วงที่มีปัญหาอยู่ในความรับผิดชอบของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เบื้องต้น ยังไม่พบการทรุดตัวของบริเวณฐานรากของโครงสร้างดังกล่าวแต่อย่างใด โดย กทพ.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงแล้ว เราได้รับความอนุเคราะห์จากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) และสภาวิศวกร ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบพื้นที่ ได้กำหนดระยะเวลาว่าจะให้แล้วเสร็จในวันที่ 8 เม.ย. ทั้งนี้ วสท. ก็เป็นหน่วยงานที่เป็นที่ยอมรับและจะได้ไม่เกิดความเคลือบแคลงใจของประชาชน
นางมนพร กล่าวแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ระบุว่า เรื่องเหล่านี้เราไม่อยากให้เกิดขึ้น และได้เยียวยาอย่างดีที่สุดในความเป็นมนุษย์และความเป็นลูกจ้างของบริษัท ในส่วนของการเร่งคืนพื้นที่ ได้มีการเปิดช่องทางแล้ว เรื่องนี้นายสุริยะได้กำชับเรื่องการเก็บหลักฐานต่างๆ ซึ่งจะมีผลต่อการพิจารณาคดีและความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบ จึงต้องขอบคุณนายสุรเชษฐ์ที่มีความห่วงใย
นางมนพร ย้ำว่า ตั้งแต่นายสุริยะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กำชับเรื่องความปลอดภัยในการก่อสร้างถนนพระราม 2 ไม่ให้มีการก่อสร้างในช่วงกลางวัน ที่พี่น้องประชาชนสัญจรไปมา และยังมีการปิดเส้นทางข้างล่าง ถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการดูแลเรื่องนี้ ส่วนนายกรัฐมนตรีก็ได้กำชับเรื่องการทำสมุดพก ลดชั้นของผู้รับจ้าง ตอนนี้อยู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็น หากกรมบัญชีกลางกระทรวงการคลังได้เสนอเข้าที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็จะเป็นอีกมาตรการหนึ่งด้วย
“ท่านสุริยะเองเพิ่งเข้ามากำกับดูแลกระทรวงคมนาคมเมื่อปี 2566 ความรับผิดชอบเหล่านี้ได้ถูกแบกไว้บนบ่าของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและนายกรัฐมนตรี ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น เพราะมีการสูญเสียของพี่น้องประชาชนตามมา เราจึงพยายามที่จะหาแนวทางและมาตรฐานในการกำกับดูแล” นางมนพร กล่าว
ต่อมานายสุรเชษฐ์ กล่าวเห็นใจนางมนพรที่ต้องมาตอบชี้แจงนาย เพราะตอบได้แต่เสียใจ มีเพียงเรื่องสมุดพกที่พอเป็นรูปธรรมได้บ้าง แต่คราวหน้านายสุริยะคงต้องมาตอบด้วยตัวเองแล้ว เพราะประชาชนไม่ได้อยากเห็นสมุดพกผู้รับเหมา แต่อยากเห็นสมุดพกรัฐมนตรี ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก หากไม่มีคนผิด รัฐมนตรีควรแสดงสปิริตรับผิดชอบอย่างไร จะทำเมื่อไหร่ และจะทำแบบที่ลูกน้องท่านประกาศหรือไม่ ว่าจะไม่ลาออก เพราะไม่ได้ทำให้คุณตายฟื้นขึ้นมาได้
ทำให้นางมนพร กล่าวว่า ก็สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจ และโหวตไม่เห็นชอบในระบบของรัฐสภาที่ใช้ตรวจสอบ หรือสามารถสามารถร้องไปที่องค์กรอิสระที่ตรวจสอบความบกพร่องเหล่านี้ได้ ยืนยันว่านายสุริยะหรือรัฐบาลไม่ได้ละเลย
“ดิฉันขอย้อนถามกลับไปว่ามีรัฐมนตรีท่านไหนที่มานั่งดำรงตำแหน่งแล้วต้องการให้อุบัติเหตุเกิดขึ้นในโครงการที่ตัวเองรับผิดชอบ คงไม่มีรัฐบาลไหน หรือไม่มีรัฐมนตรีท่านไหนต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น สิ่งต่างๆของกระทรวงคมนาคมเอง มันคือการทำงานในระบบราชการ แต่สิ่งหนึ่งที่ดิฉันยืนยันคือกระทรวงคมนาคมภายใต้การนำของนายสุริยะ ท่านมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ รวมถึงติดตามงานในใกล้ชิด” นางมนพร กล่าว
จากนั้น นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องทำให้เป็นที่หลาบจำกันบ้าง ไม่เช่นนั้นจะเกิดเหตุซ้ำซากขึ้นมาอีก ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต และหากพรรคประชาชนจะเสนอร่าง พ.ร.บ.ถนนเข้ามาอีกรอบจะปัดตกหรือไม่ ทำให้นางมนพร ตอบว่า เรื่องการเสนอสามารถทำได้ แต่การโหวตยังไม่เกิดขึ้น ขึ้นอยู่กับพรรคการเมือง