วันที่ 13 มิ.ย.67 ที่ บริษัท ชัยเสรี เม็ททอลแอนด์ รับเบอร์ จำกัด  นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม  เปิดเผยภายหลังเดินทางมาตรวจเยี่ยมบริษัทชัยเสรี จังหวัดปทุมธานี ว่า เป็นนโยบายของกระทรวงกลาโหมและรัฐบาลในการส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ  โดยที่ผ่านมากระทรวงกลาโหมก็ได้ทำหลายเรื่องที่เกี่ยวกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ในวันนี้จึงมาดูการดำเนินงานของเอกชนว่า มีความพร้อมจริงหรือไม่ 

ทัังนี้มีอีกหลายบริษัทที่จะไปตรวจเยี่ยมซึ่งวันนี้เป็นคิวของบริษัทชัยเสรีฯ โดยได้ดูถึงการความพร้อมและมาตรฐานการผลิตและรับฟังปัญหาเพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนแข็งแกร่ง สามารถนำรายได้เข้าประเทศมากขึ้น และถือเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาวุธให้กับประเทศ แต่จะต้องพิจารณาว่ามีอะไรที่กระทรวงกลาโหมจะเพิ่มเติมให้เอกชนได้ 

โดยทางบริษัทชัยเสรีฯได้สะท้อนปัญหาต่างๆ เนื่องจากเป็นบริษัทที่เก่าแก่และค้าขายกับต่างประเทศมานาน กว่า 40 ประเทศ แต่ก็มีปัญหาบางประการที่สอดคล้องกับกระทรวงกลาโหมได้ศึกษามาแล้ว เช่น เรื่องมาตรการทางภาษีที่ยังไม่เอื้อให้เอกชนในการผลิตภายในประเทศ และการจัดมาตรฐานของกองทัพในการพิจารณาจัดซื้อให้เกิดความเป็นธรรม สำหรับคนในประเทศเพื่อให้สู้กับต่างประเทศได้ รวมไปถึงเรื่องทางกฎหมายที่จะต้องแก้ไขให้เอื้อต่อการนำเข้า-ส่งออกอาวุธที่คล่องตัวพอ รวมทั้งระเบียบขั้นตอนต่างๆ 

นายสุทิน ย้ำว่าจะต้องมีการปรับมาตรฐานเกี่ยวกับการจัดซื้ออาวุธใหม่ เพราะที่ผ่านมากองทัพตั้งมาตรฐานไว้สูงมากทำให้ต้องซื้อจากต่างประเทศ เมื่อเอกชนไทยเข้าแข่งขันก็อาจจะไม่ได้รับการคัดเลือก 

ดังนั้นจึงต้องจัดเป็น 2 มาตรฐาน รวมถึงให้สิทธิ์ของ SME ซึ่ง SME ก็จะเป็นบริษัทขนาดเล็กลงทุนไม่เกินร้อยล้านบาท แต่ก็อาจจะกระทบกับบริษัทที่ไม่เข้าเงื่อนไข SME จึงต้องมาพิจารณากันต่อไปเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับบริษัทเล็กและบริษัทใหญ่ในประเทศ 

ส่วนนโยบายส่งเสริมการจัดซื้อภายในประเทศทดแทน ถือเป็นนโยบายที่รัฐจะต้องกำหนดออกมาให้ชัดเจน และต้องเน้นย้ำไปยังกองทัพถ้ารายการใดที่ผลิตภายในประเทศได้ก็ต้องซื้อในประเทศ อย่างน้อยอาจจะเริ่มต้นที่ร้อยละ 30 และจากนั้นก็ไต่ระดับตามขั้นตอน ถึงวันหนึ่งก็อาจจะเป็นการจัดซื้อ 100% ภายในประเทศ

นายสุทิน กล่าวว่า การมาตรวจเยี่ยมดูงานบริษัทไทยเสรี ได้เห็นศักยภาพการทำงานของบริษัทที่ดำเนินงานมา 61 ปี โดยเชื่อว่ามีประสบการณ์ และมีกลุ่มลูกค้าที่ค้าขายกันอยู่ แม้แต่สหรัฐอเมริกาก็ยังสั่งซื้อ แสดงให้เห็นว่าต่างชาติก็มีความเชื่อมั่น รวมทั้งได้เห็นเทคโนโลยีการผลิตหลายอย่าง ถือว่าเป็นบริษัทที่ทันสมัย จึงทำให้กระทรวงกลาโหมมั่นใจมากขึ้นว่าบริษัทเอกชนไทยสามารถสู้กับบริษัทต่างชาติได้