เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 มิ.ย.67 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. นายขวัญชัย  อายุ 54 ปีพร้อมญาติพี่น้อง เดินทางมายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมตำรวจกองปราบฯ รื้อคดีที่น้องสาว ถูกฆาตกรรมโหดเมื่อต้นปี 2566

นายขวัญชัย ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ กล่าวว่า คดีนี้เกิดเหตุเมื่อ 8 ก.พ.66 นางบุญเรือน ซึ่งเป็นน้องสาวของตนถูกคนร้ายใช้จอบเป็นอาวุธตีจนเสียชีวิต ก่อนตำรวจ สภ.ทับสะแกจะออกหมายจับตนเป็นผู้ต้องหาดำเนินคดีข้อหาฆ่าน้องสาวตัวเองทั้งที่ตนไม่ได้ทำ  ระหว่างดำเนินคดีไม่ได้ถูกควบคุมตัว จนผ่านมาปีกว่าสุดท้ายอัยการสั่งไม่ฟ้อง ตนได้ปรึกษาพี่ๆ น้องๆ แล้วว่าจะต้องหาคนร้ายตัวจริงมาดำเนินคดีเอาผิด และร้องขอความเป็นธรรมคืนความบริสุทธิ์ให้ตนเองที่ตกเป็นแพะในคดีนี้ด้วย จึงเดินทางมาร้องขอความยุติธรรมให้ตำรวจกองปราบปราบรื้อคดีนี้ขึ้นมาทำใหม่

เบื้องต้น พ.ต.ท.ภาณุพงศ์ จับตะกูล สว.(สอบสวน)กก.5 บก.ป.รับเรื่องไว้เสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณา โดยแนะนำให้เปลี่ยนผู้ร้องแทนนายขวัญชัย เนื่องจากเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดี ทางญาติพี่น้องจึงมอบให้ นางสุทธาสินี  อายุ 60 ปี พี่สาวที่มาด้วยเป็นผู้ร้องแทน 


สำหรับคดีนี้ เมื่อ 9 ก.พ.66 สภ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เผยว่า ได้รับแจ้งว่าพบศพคนถูกฆ่าตายที่บ้านเลขที่ 7/3 หมู่ที่ 6 บ้านหนองหอย ต.อ่างทอง อ. ทับสะแก จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณฐพงศ์ มุกดาหาญ ผกก.สภ.ทับสะแก พร้อมชุดสืบสวน ตร.พิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ แพทย์เวร รพ.ทับสะแก และมูลนิธิสว่างรุ่งเรืองธรรมสถานอำเภอทับสะแก 

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนหลังใหญ่ชั้นเดียว ยกพื้นสูง ปลูกอยู่ในสวนมะพร้าวหลายสิบไร่ บริเวณรอบบ้านปลูกต้นไม้ทำเป็นรั้วร้อมลอบ ด้านหลังบ้านมีชาวบ้านยืนมุงดูเหตุการณ์จำนวนมาก พบผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ น.ส.บุญเรือน  อายุ 49 ปี เจ้าของบ้านหลังที่เกิดเหตุ ถูกฆ่ายัดศพในห้องเก็บของใต้ถุนบ้านด้านหลัง สภาพศพนอนคว่ำหน้าสวมเสื้อลายสก๊อตสีขาวแดง สวมกางเกงสีดำ สวมถุงมือยาง และสวมรองเท้าบู๊ต ซึ่งเป็นชุดทำงานในสวน บนตัวผู้ตายพบจอบน่าจะเป็นอาวุธที่คนร้ายใช้ทำร้ายผู้ตายจนเสียชีวิตวางอยู่บนศพ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานพร้อมทำการเก็บลายนิ้วมือแฝงของคนร้าย


จากการชันสูตรพลิกศพ พบว่า ที่บริเวณกกหูด้านซ้ายถูกของแข็งฟาดจนกะโหลกศีรษะแตก และคอด้านหลังถูกฟาดจนยุบ ใบหน้าเละไม่มีเค้าโครงร่างเดิม ช่วงบริเวณแก้มซ้ายเป็นแผลฉีกขนาดใหญ่ กรามหัก คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 12 ชม.

จากการสอบสวน นายขวัญชัย โค้วปรีชา พี่ชายผู้ตายทราบว่า ตามปกติในช่วงเช้าน้องสาวจะตื่นแต่เช้า และน้ำวัวที่เลี้ยงไว้กว่า 10 ตัว ออกมาผูกในสวนมะพร้าวเพื่อให้กินหญ้า แต่วันเกิดเหตุผู้ตายไม่ออกมาทำงาน ตนเองจึงโทรศัพท์หาแต่พบว่าไม่สามารถติดต่อได้ ช่วงบ่ายตนเองและญาติเห็นผิดปกติจึงออกตามหาข้างบ้าน กระทั่งพบถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมเอาศพมายัดในห้องเก็บของใต้ถุนบ้าน

ปกติผู้ตายจะพักอาศัยอยู่เพียงลำพังคนเดียวเนื่องจากไม่มีครอบครัว และไม่มีบุคคลภายนอกเข้าออก สำหรับผู้ตายเป็นน้องสาวคนสุดท้องของตนในจำนวนพี่น้อง 9 คน มีอาชีพทำสวนมะพร้าว มีสวนมะพร้าวของตนเองหลายสิบไร่ พร้อมทั้งเลี้ยงวัวเนื้อขุน กว่า 10 ตัว ราคาตัวไม่ต่ำกว่าแสนบาท มีฐานะอยู่ในขั้นเศรษฐี ทั้งนี้ เท่าที่สังเกตพบว่าช่วงหลังมีชายแปลกหน้ามาติดพันน้องสาวและวนเวียนไปมาหาสู่อยู่ประจำ โดยทรัพย์สินผู้ตายมีกระเป๋าสตางค์ และโทรศัพย์หายไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งให้ชุดสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง เพื่อสืบหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป