สมจริงดั่งคำท่านว่า “เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป อะไรๆก็เปลี่ยนแปลง”
ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องการสงคราม ความขัดแย้งระหว่างประเทศ อย่าง “สงครามกาซา” ที่ “อิสราเอล” กำลังสัประยุทธ์กับ “กลุ่มฮามาส” ของปาเลสไตน์ ในพื้นที่ “ฉนวนกาซา” ณ ชั่วโมงนี้
โดยเมื่อแรกเริ่มที่ “เสียงปืนแตก” คือ ไฟสงครามเริ่มปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว หลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะในฟากฝั่งของเหล่าชาติพันธมิตรตะวันตก เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และเยอรมนี เป็นต้น ต่างออกมาประสานเสียงให้การสนับสนุนต่ออิสราเอล ในการทำสงครามกับกลุ่มฮามาส เนื่องจากเห็นว่ากลุ่มฮามาส เป็นฝ่ายเริ่มเปิดเกมส์ก่อน จากการที่กองกำลังติดอาวุธของทางกลุ่มฯ และกลุ่มติดอาวุธที่เป็นพันธมิตร ได้บุกข้ามพรมแดนจากฉนวนกาซา เข้าไปโจมตีถึงในดินแดนของอิสราเอลอย่างสายฟ้าแลบ และทุกทิศทาง คือ ทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ ก่อนที่จะจับผู้คนจากทางฝั่งอิสราเอลไปเป็นตัวประกันหลายร้อยคน ซึ่งในจำนวนนี้ก็มีแรงงานชาวไทย ติดร่างแห รวมอยู่ด้วย โดยบรรดาตัวประกันดังกล่าว ก็ถูกควบคุมอยู่ในพื้นที่ฉนวนกาซา ทั้งนี้ แม้ว่ามีตัวประกันบางส่วนได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระไปแล้ว ทว่า ก็ยังมีตัวประกันอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งจนถึง ณ วินาทีนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม
ในการสนับสนุนต่ออิสราเอลนั้น นอกจากเป็นระดับทางการ คือ รัฐบาล แล้ว ก็ยังมีแรงสนับสนุนจากประชาชนนั้นอีกต่างหากด้วย ในการทำสงครามกับกลุ่มฮามาส เพื่อช่วยตัวประกันที่เหลือให้เป็นอิสระ
โดยการสนับสนุนต่ออิสราเอลโดยทางการของเหล่าชาติพันธมิตรตะวันตก ก็ได้แสดงออกเป็นอานิสงส์ออกมาในปฏิบัติการคุ้มครองป้องกันอิสราเอล จากการถูกโจมตีด้วยอากาศยานไร้คนขับติดอาวุธ หรือโดรนติดอาวุธ และขีปนาวุธ จำนวนหลายร้อยลูกจากทางอิหร่าน จนอิสราเอลแทบจะไม่ระคายผิว เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา เป็นต้น
ขณะที่ แรงสนับสนุนของประชาชนพลเมืองของเหล่าชาติพันธมิตรตะวันตกที่มีต่ออิสราเอล ก็แสดงออกผ่านการแสดงความคิดเห็น ที่บรรดาสำนักโพลล์ทั้งหลาย สำรวจความคิดเห็นและรายงานเผยแพร่ออกมา
ทั้งนี้ ในการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเหล่าประเทศพันธมิตรตะวันตกในช่วงแรกๆ ของสงครามในกาซา เสียงส่วนใหญ่ก็ให้การสนับสนุนต่ออิสราเอล จนแทบจะเรียกได้ว่า ขอยืนเคียงข้างกับอิสราเอลในการสู้รบกับกลุ่มติดอาวุธฮามาสของปาเลสไตน์กันเลยทีเดียว
อาทิเช่น ในการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนชาวอเมริกัน เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงสิ้นปี 2023 (พ.ศ. 2566) ปรากฏว่า ประชาชนชาวอเมริกันจำนวนเกินกว่าร้อยละ 50 เห็นด้วยกับอิสราเอล ในการส่งกองกำลังป้องกันอิสราเอล หรือไอดีเอฟ ซึ่งก็คือ กองทัพอิสราเอล นั่นเอง เข้าไปถล่มโจมตีในพื้นที่ฉนวนกาซา แม้ว่า การโจมตีข้างต้น จะส่งผลกระทบ สร้างความเดือดร้อน ต่อประชาชนชาวปาเลสไตน์ ในพื้นที่ก็ตาม
ก่อนที่ในเวลาต่อมา จำนวนผู้สนับสนุนต่ออิสราเอล เริ่มน้อยลงเป็นลำดับ หลังการสู้รบได้ส่งผลกระทบ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนชาวปาเลสไตน์เป็นอย่างมาก โดยหลายพื้นที่ หลายประเทศ ก็ได้แสดงออกผ่านการรวมตัวประท้วงต่อต้านสงคราม รวมถึงต่อต้านไปยังอิสราเอล ในการโจมตีต่อฉนวนกาซาอย่างรุนแรงก็มีเช่นกัน
เช่นเดียวกับที่อังกฤษ ที่เสียงส่วนใหญ่ของการสำรวจโพลล์ในหมู่ประชาชน ก็ได้แสดงการสนับสนุนต่ออิสราเอล ก่อนลดลงเป็นลำดับในเวลาต่อมา จนกระทั่งล่าสุด จำนวนถึง 7 ใน 10 ก็แสดงความคิดเห็นว่า อยากเห็นสงครามดังกล่าวสิ้นสุดลง
แต่ที่นับว่า หนักหนาสาหัสที่สุด เพราะพลิกขั้ว กลับข้าง กันไปเลยทีเดียว ก็เห็นจะเป็นในรายของประเทศเยอรมนี ซึ่งแม้ในระดับทางการรัฐบาลกรุงเบอร์ลิน ยังคงท่าทีสนับสนุนอิสราเอล รวมถึงซื้อขายอาวุธยุทโธปกรณ์ระหว่างกัน หลังเห็นสรรพคุณจากสงครามการสู้รบดังกล่าว แต่ปรากฏว่า ในส่วนของประชาชนชาวเยอรมัน ก็ได้เกิดปรากฏการณ์ “เปลี่ยนจิต ปันใจ” จากการที่ความคิดเห็นเกี่ยวกับการสนับสนุนต่ออิสราเอลของพลเมืองชาวเยอรมัน แบบชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ แตกต่างจากสำรวจความคิดเห็นในครั้งก่อน อย่างสิ้นเชิง
โดยในการสำรวจความคิดเห็นของชาวเยอรมันครั้งล่าสุดนี้ ซึ่งจัดทำโดย “สถาบันฟอร์ซา” สถาบันที่ดำเนินงานด้านการวิจัยและให้คำปรึกษา ตลอดจนการฝึกฝนต่างๆ อันมีสำนักงานใหญ่อยู่ในย่านลองบีช รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า ร้อยละ 61 ของกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม มีความเห็นว่า พวกเขาไม่สนับสนุนต่ออิสราเอล ที่ใช้ปฏิบัติการทางทหารโจมตีฉนวนกาซา ซึ่งส่งผลกระทบ สร้างความเดือดร้อน รวมถึงก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งในชีวิตและทรัพย์สินของชาวปาเลสไตน์ ในพื้นที่ฉนวนกาซา
ส่วนชาวเยอรมัน ที่ยังให้การสนับสนุนต่ออิสราเอล ในการใช้ปฏิบัติการทางทหารถล่มโจมตีในพื้นที่ฉนวนกาซาอยู่นั้น แม้ว่าได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ก็ตาม มีจำนวนอยู่ที่ร้อยละ 33 หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของชาวเยอรมันที่ยังให้การสนับสนุนต่ออิสราเอล
ทั้งนี้ ในส่วนของกลุ่มตัวอย่างที่ไม่ให้การสนับสนุน หรือต่อต้าน ต่ออิสราเอลในการทำสงครามฉนวนกาซา จำนวนร้อยละ 61 หรือคิดเป็น 6 ใน 10 ของชาวเยอรมัน ก็ต้องถือว่า กลับขั้ว พลิกข้าง จากการสำรวจความคิดเห็นชาวเยอรมันเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว อันเป็นช่วงที่ไฟสงครามการสู้รบเริ่มปะทุคุโชนกันใหม่ๆ ซึ่งในการสำรวจครั้งนั้น ปรากฏว่า มีชาวเยอรมันให้การสนับสนุนต่ออิสราเอลในปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซาจำนวนมากถึงร้อยละ 62 หรือคิดเป็น 6 ใน 10 เช่นเดียวกัน ที่ให้การสนับสนุนอิสราเอลจากปฏิบัติการข้างต้น
ส่วนผู้ไม่เห็นด้วย หรือต่อต้านอิสราเอล ในการสำรวจความคิดเห็นชาวเยอรมันเมื่อครั้งกระนั้น มีจำนวนเพียงร้อยละ 31 เท่านั้น หรือคิดเป็นราว 1 ใน 3 ซึ่งเป็นการพลิกข้าง หรือกลับใจของชาวเยอรมันอีกด้วยเช่นกัน
โดยเหตุปัจจัยที่ทำให้ชาวเยอรมันต้องปันใจจากอิสราเอลดังกล่าวนั้น ก็เพราะปฏิบัติการโจมตีทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซา นำมาซึ่งความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของชาวปาเลสไตน์อย่างใหญ่หลวง โดยคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 36,500 คน ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นเด็กและสตรี ส่วนผู้บาดเจ็บก็มีมากกว่า 83,000 คน พร้อมทั้งทำให้ผู้คนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนจำนวนนับล้านคนเลยทีเดียวหลังสงครามยืดเยื้อมานานถึง 8 เดือน