เหลือเวลาอีกเพียง 31 วัน ซึ่งก็คือ หนึ่งเดือน ประชาชนชาวเมืองผู้ดีอังกฤษ ก็จะได้รู้หมู่ รู้จ่า กันแล้วว่า ใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี บริหารประเทศของตน

ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนหน้าเดิม อย่าง “นายริชี ซูนัค” หัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม หรือคอนเซอร์เวทีฟปาร์ตี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล

หรือว่าจะเป็นายกรัฐมนตรคนใหม่ อย่าง “เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์” หรือชื่อเต็มๆ ว่า “เซอร์ เคียร์ รอดนีย์ สตาร์เมอร์” หัวหน้าพรรคแรงงาน หรือเลเบอร์ปาร์ตี อันเป็นพรรคฝ่ายค้าน

เมื่ออังกฤษ จะจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ในวันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคมเดือนหน้านี้

โดยเป็นการเลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนด ร่นให้เร็วจากเดิมที่ตามกำหนดการ ระบุว่า จะต้องให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในราวต้นเดือนมกราคม 2025 (พ.ศ. 2568) หรือปีหน้า

ตามถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรี “ริชี ซูนัค” ซึ่งมีขึ้นที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 10 อันเป็นบ้านและที่ทำงานของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ตั้งอยู่บนถนนดาวนิง กรุงลอนดอน เมื่อช่วงกว่าสองสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ที่กำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปล่วงหน้าในวันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคมข้างต้นนั้น ก็ต้องถือว่า สร้างความประหลาดใจ เซอร์ไพรส์ให้แก่บรรดาคอการเมืองอยู่มิใช่น้อยเหมือนกัน

ทั้งนี้ ก็เพราะตามการประเมินของสถานการณ์ของความได้เปรียบ เสียเปรียบ ของพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ณ ชั่วโมงนี้ ต้องถือว่า ไม่ดีนัก เมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์ของพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน

โดยคะแนนนิยมของพรรคอนุรักษ์นิยม ต้องบอกว่า ตามหลังพรรคแรงงานอย่างทิ้งห่างพอสมควรจำนวนนับสิบจุด ถึงยี่สิบจุดด้วยกัน จากการสำรวจความคิดเห็น หรือการจัดโพลล์ ในช่วงที่ผ่านมา

อาทิเช่น ในการสำรวจโพลล์ ก่อนหน้าที่นายกรัฐมนตรีซูนัค จะประกาศให้มีการเลือกตั้งทั่วไปล่วงหน้าได้ไม่กี่วัน ปรากฏว่า คะแนนนิยมของพรรคอนุรักษ์นิยมอยู่ที่เพียงร้อยละ 26 เท่านั้น ตามหลังอย่างทิ้งห่างพรรคแรงงานที่ได้ร้อยละ 46

อย่างไรก็ดี บรรดานักวิเคราะห์การเมืองของอังกฤษ บางกลุ่มก็เห็นว่า ช่วงเวลานี้ถือว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว ที่พรรคอนุรักษ์นิยมภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีซูนัค จะสู้ศึกเลือกตั้งกับพรรคแรงงาน ของเซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์ ซึ่งแม้ว่าคะแนนนิยมของพรรคแรงงานจะมีคะแนนนิยมนำหน้าเหนือพรรคอนุรักษ์นิยมอย่างทิ้งห่างถึงหลายสิบจุดตามการสำรวจโพลล์นั้น แต่ทว่า พรรคอนุรักษ์นิยมก็มี “ดี” ที่จะถูกนำมาใช้ในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้

นั่นคือ การประสบความสำเร็จของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีซูนัค ที่สามารถแก้ไขปัญหาอัตราภาวะเงินเฟ้อของอังกฤษได้ นั่นเอง

โดยรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีซูนัค สามารถทำให้อัตราภาวะเงินเฟ้ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.3 ได้ เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่เพิ่งผ่านพ้นมา จนนับเป็นตัวเลขอัตราภาวะเงินเฟ้อที่ต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี เลยทีเดียว หลังจากที่อังกฤษเคยเผชิญหน้ากับปัญหาอัตราภาวะเงินเฟ้อสูงถึงร้อยละ 11.1 เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคม 2022 (พ.ศ. 2565) ในสมัยรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีหญิง “ริซ ทรัสส์” ก่อนหน้าที่นายริชี ซูนัค จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสมัยต่อมา

ทั้งนี้ การที่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีซูนัค สามารถแก้ไขปัญหาอัตราภาวะเงินเฟ้อดังกล่าว ก็ส่งผลให้ราคาสินค้าต่างๆ ถูกลง เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงประเทศกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาภาวะเงินเฟ้อในอัตราสูง เรียกว่า ตัวเลขเงินเฟ้อสูงขึ้นไปเมื่อไหร่ ก็จะมีผลต่อราคาสินค้าเมื่อนั้น โดยส่งผลให้สินค้ามีราคาสูง ดุจเงาตามตัว

นอกจากนี้ รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีซูนัค ซึ่งก็คือทีมงานและพลพรรคของพรรคอนุรักษ์นิยม ก็ยังคาดหวังว่า พรรคแรงงานที่กำลังมีคะแนนนิยมนำโด่งเช่นนี้ อาจจะสะดุดขาตัวเองในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง รวมไปถึงการเพลี้ยงพล้ำให้แก่พรรคอนุรักษ์นิยมในการอภิปรายโต้วาที หรือดีเบต เกี่ยวกับนโยบายแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งทางพรรคอนุรักษ์นิยมค่อนข้างมั่นใจว่า สามารถทำได้ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับทีมงานและพลพรรคของพรรคแรงงาน

ดูเหมือนว่า ทางทีมงานและพลพรรคของพรรคอนุรักษ์นิยม คาดการณ์ได้แม่นยำมิใช่น้อย เมื่อปรากฏว่า ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของพรรคแรงงานเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ได้นำเสนอแนวคิดที่จะให้ประชาชนชาวอังกฤษที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้ คือ กาบัตรเลือกตั้งในระดับต่างๆ ได้

เหตุปัจจัยก็มาจากพรรคแรงงาน หวังเอาใจวัยรุ่น สร้างคะแนนเสียงจากประชากรกลุ่มวัยนี้ ทว่า แนวคิดดังกล่าว ก็ก่อให้เกิดเสียงตำหนิวิจารณ์เชิงลบตามมา เพราะเห็นว่า อายุ 16 ปีนั้น ดูจะเด็กเกินไป เพราะลำพัง ณ เวลานี้ กำหนดให้ประชาชนที่มีอายุต่ำสุด 18 ปี สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ก็ถือว่า เด็กมากๆ แล้ว โดยผู้ที่จะใช้สิทธิเลือกตั้ง ไม่ควรที่จะเป็นผู้อยู่ในวัยอายุน้อยมากไปกว่านี้ อันจะมีผลต่อวุฒิภาวะ การถูกชักจูงได้ง่ายๆ เป็นประการต่างๆ

อย่างไรก็ดี แม้ว่าพรรคแรงงานจะมีหลุด มีรั่ว ต่อการนำเสนอแนวคิดกันไปบ้าง แต่เมื่อกล่าวถึงคะแนนนิยมของพรรคฝ่ายค้านของอังกฤษพรรคนี้ กลับมาแรงแซงโค้งอย่างน่าประหลาดใจ

โดยการสำรวจโพลล์ครั้งล่าสุด ก่อนที่จะถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมที่เพิ่งผ่านพ้นไป โดย “ยูกอฟ” บริษัทด้านวิจัยทางการตลาดระหว่างประเทศ และให้คำปรึกษาด้านธุรกิจระดับนานาชาติ ซึ่งมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงลอนดอน เมืองหลวงของอังกฤษ ปรากฏว่า พรรคแรงงาน มีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบจากการสำรวจครั้งที่ผ่านมา โดยมีคะแนนนิยมล่าสุดอยู่ที่ร้อยละ 47 ส่วนพรรคอนุรักษ์นิยม มีคะแนนนิยมเพียงร้อยละ 20

เรียกว่า เพิ่มช่องว่าง ทิ้งห่างออกไปจากเดิมถึง 27 จุดด้วยกัน

ก็ถือเป็นปัญหาโจทย์ใหญ่ของพรรคอนุรักษ์นิยม ที่จะมีกลยุทธ์อย่างไรในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งนับจากนี้ ที่จะทำให้คะแนนนิยมตีตื้นขึ้นมาบ้างในช่วงเวลาที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดือน หากต้องการให้นายซูนัค ได้อยู่ในบ้านเลขที่ 10 บนถนนดาวนิง เหมือนเดิม ขณะเดียวกัน ทางพรรคแรงงานก็มีปัญหาโจทย์ให้ต้องแก้ไขอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะการนำเสนอแนวนโยบายต่างๆ ให้โดนใจชาวเมืองผู้ดี เพื่อที่ได้เบียดแทรกเข้าไปในบ้านเลขที่ 10 บนถนนดาวนิง ในฐานะนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่ของหัวหน้าพรรคฯ อย่าง “เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์”