เวียนมาบรรจบครบอีกวาระหนึ่ง สำหรับ วันเกิดของ “หนังสือพิมพ์สยามรัฐ” ซึ่งตรงกับวันที่ 25 มิถุนายนของทุกปี

โดย “หนังสือพิมพ์สยามรัฐ” เราถือกำเนิดขึ้นมาในวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2493 ซึ่งแปลกแต่จริงว่า เป็นวันเดือนปีที่ตรงกับในช่วงเวลาเดียวกับการเกิดของ “สงครามเกาหลี” พอดี คือ วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950) เช่นกัน

นับถึงวันนี้ก็เป็นปีที่ 75 ที่ล่วงผ่านมาแล้ว

ประชาชนของชาติมหาอำนาจตะวันตกชาติหนึ่ง อ่านข่าวความเคลื่อนไหวของสงครามเกาหลีเหนือ ผ่านทางหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ โดยเนื้อหาในข่าวระบุว่า สหรัฐฯ นำชาติพันธมิตร จะเข้าแทรกแซง หรือเข้าร่วมรบในสงครามเกาหลี เพื่อต่อต้านการรุกรานเกาหลีเหนือที่มีต่อเกาหลีใต้ (Photo : AFP)

กล่าวถึง “สงครามเกาหลี” ก็เป็นการสู้รบกันระหว่างชนชาติเกาหลีด้วยกัน คือ “เกาหลีเหนือ” กับ “เกาหลีใต้” แต่ทั้งสองฝ่ายมีแนวคิดอุดมการณ์ทางการเมืองที่ต่างขั้ว ต่างค่าย ภายหลังจากสิ้นสุดของมหายุทธ์ สงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว

โดยทางฝ่ายเกาหลีเหนือ ซึ่งมีเมืองหลวงอยู่ที่กรุงเปียงยาง มีแนวคิดไปในทาง สังคมนิยมคอมมิวนิสต์

สวนทางแตกต่างจากทางฝั่งเกาหลีใต้ ที่มีแนวคิดของระบอบเสรีประชาธิปไตย

แน่นอนว่า ทั้งสองฟากฝั่งต่างก็มีประเทศมหาอำนาจ และชาติอื่นๆ ที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองเดียวกัน ให้การสนับสนุนในแต่ละฝ่าย

ชายชาวเกาหลีใต้ที่มาสมัครเป็นทหารในกองทัพ เพื่อสู้รบในสงครามเกาหลี (Photo : AFP

อย่าง “เกาหลีเหนือ” ก็มี “อดีตสหภาพโซเวียตรัสเซีย” และ “จีนแผ่นดินใหญ่” ซึ่งเป็นสองชาติพี่เบิ้มใหญ่ของทางฝ่ายสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ให้การสนับสนุน

ขณะที่ “เกาหลีใต้” มีกลุ่มประเทศมหาอำนาจตะวันตก ที่นำโดย “สหรัฐอเมริกา” ผู้นำโลกเสรีประชาธิปไตยให้การสนับสนุน ซึ่งในกลุ่มนี้ ก็มี “ประเทศไทย” เรายืนเคียงข้างอยู่ด้วย ถึงขั้นส่งทหารไปช่วยเกาหลีใต้ รบกับเกาหลีเหนือ ในสงครามดังกล่าว จนสร้างชื่อโด่งดังในนามว่า “พยัคฆ์น้อย” ให้โลกต้องร่ำลือ พร้อมกับได้เหรียญกล้าหาญมาติดประดับหน้าอกกันของเหล่าทหารหาญแห่งกองทัพไทย

สำหรับ การถือกำเนิดของสงครามเกาหลี ในวันเดียวกันหนังสือพิมพ์สยามรัฐ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2493 นั้น ก็เป็นทางฝ่ายของเกาหลีเหนือ โดย “กองทัพประชาชนเกาหลี” หรือ “เคพีเอ” ภายใต้การสนับสนุน “อดีตสหภาพโซเวียตรัสเซีย” และ “จีนแผ่นดินใหญ่” ยกพลจากทางฝั่งเกาหลีเหนือ ข้ามพรมแดนเข้าไปรุกราน “เกาหลีใต้”

กองกำลังสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ที่นำโดยสหรัฐฯ เดินทัพเข้าสู่เกาหลีใต้ เพื่อขับไล่กองทัพเกาหลีเหนือที่เข้ามารุกรานในสงครามเกาหลี (Photo : AFP)

ส่งผลให้ “คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ” หรือ “ยูเอ็นเอสซี” มีมติให้จัดตั้งกองทัพในลักษณะคล้าย “กองทัพเฉพาะกิจ” แบบ “กองกำลังนานาชาติ” พร้อมกับส่งเข้าไปในเกาหลีใต้ เพื่อขับไล่กองทัพของเกาหลีเหนือ ซึ่งทางยูเอ็นเอสซี กำหนดให้เป็นผู้รุกราน ถอยทัพออกไปจากดินแดนของเกาหลีใต้

เกาหลีใต้ขึ้นป้ายแสดงการต้อนรับกองกำลังสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ที่เข้าไปขับไล่กองทัพเกาหลีเหนือผู้รุกรานในสงครามเกาหลี (Photo : AFP)

ทั้งนี้ มีรายงานว่า มีกองกำลังจาก 21 ประเทศ ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยเราด้วยนั้น เข้าร่วมทัพในการขับไล่เกาหลีเหนือ และกองกำลังผสมชาติที่สนับสนุนเกาหลีเหนือ โดยสถานการณ์การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ถึงขั้นที่บรรดากำลังพลทั้งหลาย ต้อง “ติดดาบปลายปืน” พร้อมสู้สัประยุทธ์กันในแบบตะลุมบอนระหว่างกันเลยทีเดียว อันเป็นสู้รบกันอย่างองอาจกล้าหาญที่สุดของเหล่าทหารราบ ซึ่งกำลังพลของกองทัพไทยเราได้ร่วมปะทะศึกในรูปแบบตะลุมบอนกันดังกล่าวด้วย จนได้รับการกล่าวชื่นชมยกย่อง พร้อมกับรางวัลเกียรติยศเป็นประการต่างๆ ตามที่กล่าวแล้วข้างต้น

ทหารเกาหลีเหนือจำนวนหนึ่ง ออกจากที่ซ่อน พร้อมยอมจำนนต่อทหารกองกำลังสหประชาชาติ หลังจากถูกล้อม (Photo : AFP)

กระทั่ง กองทัพกลุ่มโลกเสรีประชาธิปไตย สามารถขับไล่กองทัพเกาหลีเหนือ และกองกำลังของชาติพันธมิตรของขั้วค่ายโลกคอมมิวนิสต์ ที่จากเดิมเคยมายึดได้ถึงกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ จนถอยร่นไปเรื่อยๆ และพ้นเขตแดนเกาหลีใต้ หรือที่เรียกว่า เส้นขนานที่ 38 องศาเหนือ อันเป็นพื้นที่ใกล้กับจุดเริ่มต้นสงครามได้ในที่สุด

ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายกำหนดให้พื้นที่บริเวณเส้นขนานดังกล่าว เป็น “เขตปลอดทหาร” หรือ “ดีเอ็มแซต” เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2496 (ค.ศ. 1953) หรืออีกกว่า 3 ปีถัดมา พร้อมกับการยุติการสู้รบ

พื้นที่มุมหนึ่งของหมู่บ้านปันมุมจอม ซึ่งเคยใช้เป็นสถานพยาบาลทหารที่ได้รับบาดเจ็บของทั้งสองฝ่าย ก่อนในเวลาต่อมา หมู่บ้านแห่งนี้ถูกกำหนดให้เป็นเขตปลอดทหารระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้มาถึงปัจจุบัน (Photo : AFP)

ทว่า แม้การสู้รบจะยุติลงไป แต่ทั้งสองเกาหลี ยังคงอยู่ใน “ภาวะสงคราม” ที่ “เกาหลีเหนือ” กับ “เกาหลีใต้” ยังคงเผชิญหน้ามาจนถึงปัจจุบันนี้ นับเป็นระยะขวบปีก็เป็นที่ 75 ย่างเข้าสู่ปี 76

โดยตลอด 75 ปี ทั้งเกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ ก็กระทบกระทั่งและยั่วยุระหว่างกัน อยู่เป็นระยะๆ ในช่วงที่ผ่านมา ให้ชาวโลกต้องอกสั่นขวัญแขวนว่า สถานการณ์อาจจะลุกลามบานปลายกลายเป็นการสู้รบ เกิดเป็นเสียงปืนแตก เสียงระเบิดกัมปนาทของแต่ละฝ่ายขึ้นมาสักวัน โดยสถานการณ์ของสงครามการสู้รบ มิใช่สร้างความเดือดร้อนสั่นสะท้านแต่ในเฉพาะคาบสมุทรเกาหลีเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบโลกเราโดยส่วนรวมให้เกิดความสั่นสะเทือนอีกต่างหากด้วย

ประชาชนชาวเกาหลีของทั้งสองฟากฝั่ง ต่างหนีภัยสงครามการสู้รบที่เกิดขึ้น (Photo : AFP)