"ศาลรัฐธรรมนูญ"มีมติไม่รับวินิจฉัยคำร้อง"กกต."ละเลยให้"ก้าวไกล"ใช้นโยบายแก้ ม.112 หาเสียงเลือกตั้งสส. เข้าข่ายสนับสนุนล้มล้างการปกครอง ขณะที่ "ศาลอาญา" พิพากษาจำคุก "ไบรท์ -ชินวัตร" 3 ปี แต่ลดโทษเหลือ 1 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีให้สัมภาษณ์สื่อปมบังคับใช้ ม.112 รวมโทษ 5 คดี โดนโทษคุก 11 ปี 12 เดือน
ที่ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 29 พ.ค.67 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์สั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยในคดีที่ นายธรณิศ มั่นศรี ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีหน้าที่ในการกำกับ ควบคุม และบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 5 มาตรา 28 และมาตรา 29 และระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ข้อ 17 แต่ กกต.ละเลยให้พรรคก้าวไกลนำประเด็นการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาใช้หาเสียงเลือกตั้ง การกระทำของกกต.เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เสมือนหนึ่งเป็นการสนับสนุนให้พรรคก้าวไกลกระทำผิดในการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง โดยศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้อง ไม่ปรากฏว่านายธรณิศ ประสงค์ ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งการใดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสอง กรณีจึงไม่เป็นคำร้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49
วันเดียวกัน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานผ่าน X (ทวิตเตอร์) @TLHR2014 ว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค.67 เวลา 10.00 น. ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาในคดีของ ไบรท์ นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง นักกิจกรรมในจังหวัดนนทบุรี ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยพฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหาเกิดจาก ชินวัตร ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่หน้าสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงการบังคับใช้มาตรา 112 กับประชาชน
โดยช่วงเช้า นายชินวัตรถูกเบิกตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาฟังคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวไบรท์ในชุดผู้ต้องขัง ถูกสวมใส่กุญแจข้อมือและข้อเท้ามาที่ห้องพิจารณา 711 โดยมีภรรยาและลูกชายวัยห้าขวบมารอพบและให้กำลังใจ รวมไปถึงผู้สังเกตการณ์คดีจากองค์กรสิทธิมนุษยชนอีกจำนวนหนึ่งมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย
เวลา 09.35 น. ศาลออกนั่งพิจารณาคดี ก่อนจะเริ่มอ่านคำพิพากษา นายชินวัตรได้ลุกขึ้นแถลงต่อศาลว่าขอให้ศาลอนุญาตปลดกุญแจข้อมือที่ตนใส่อยู่ เพื่อที่เขาจะได้สวมกอดลูกชายที่ไม่ได้เจอกันมานาน พร้อมบอกว่าตนไม่ได้มีเจตนาจะหลบหนีแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามผู้พิพากษาไม่อนุญาต เนื่องจากเห็นว่าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มีเพียงคนเดียว อาจจะไม่เพียงพอในการดูแลรักษาความปลอดภัย
ต่อมา ศาลได้อ่านคำพิพากษาโดยสรุปเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการหมิ่นประมาท อาฆาตร้ายพระมหากษัตริย์ พิพากษาจำคุก 3 ปี แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน ศาลเห็นว่าเนื่องจากจำเลยถูกพิพากษาว่ามีความผิดในลักษณะเดียวกันนี้หลายคดี จึงไม่อาจรอลงอาญาได้ และศาลให้นับโทษจำคุกต่อจากคดีอื่นตามคำขอของโจทก์
สำหรับนายชินวัตรถูกกล่าวหาในคดีตามมาตรา 112 รวม 8 คดี โดยมีจำนวน 6 คดีแล้ว ที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาออกมา โดยเขาเปลี่ยนคำให้การเป็นรับสารภาพทั้งหมด โดยมี 1 คดีที่ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาให้รอลงอาญา แต่อีก 5 คดี ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุกโดยไม่รอลงอาญาทั้งหมด และให้นับโทษจำคุกต่อกัน รวมแล้วเขาถูกลงโทษจำคุกไปแล้ว 11 ปี 12 เดือน (ประมาณ 12 ปี) ในแต่ละคดียังอยู่ในระหว่างการอุทธรณ์คำพิพากษา
ส่วนในคดีมาตรา 112 อีก 2 คดี ของนายชินวัตรที่ยังไม่มีคำพิพากษา มีคดีปราศรัยในกิจกรรมยืนหยุดขังที่ท่าน้ำนนทบุรี นายชินวัตรก็ได้ให้การรับสารภาพเช่นกัน อยู่ระหว่างรอฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ในวันที่ 10 ก.ค.67 นี้ ขณะที่คดีร่วมกิจกรรมเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมืองที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้อีกคดีหนึ่ง มีนัดสืบพยานที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ในวันที่ 4 มิ.ย. นี้