“วิปวุฒิ” กำชับสว.ร่วมประชุมรัฐสภาถือเป็นหน้าที่ ชี้เป็นเอกสิทธิ์ทุกคน ไร้ธงแก้รธน.มาตรา 256 ด้าน “ก๊วน สว.สีขาว” จ่อชงขอมติรัฐสภาส่ง “ศาลรธน.”วินิจฉัยอำนาจหน้าที่วุฒิสภา "เศรณี" ปัดรับงานขวางแก้รัฐธรรมนูญ ส่วน “นายกฯ” ลั่นทุกภาคของประเทศต้องเจริญ จัดประชุม ครม.สัญจร ครั้งแรกของปีที่ “สงขลา” อังคารที่ 18 ก.พ.นี้ 

ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 12 ก.พ.68 นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงษ์ สว. ฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมวิปวุฒิสภา เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ว่า ที่ประชุมได้หารือและแจ้งให้ สว. เข้าร่วมการประชุมรัฐสภา ในวันที่ 13-14 ก.พ. ซึ่งมีวาระพิจารณาการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งมีพรรคเพื่อไทย และ พรรคประชาชน เสนอ อย่างพร้อมเพรียงกัน เพราะถือเป็นหน้าที่ของสว. ฐานะสมาชิกรัฐสภา ทั้งนี้หากมีสว.คนใดจะลาประชุมเนื่องจากติดภารกิจต้องทำเรื่องถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ฐานะประธานรัฐสภา เพราะเป็นการประชุมรัฐสภา

นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า วิปวุฒิสภายังได้แจ้ง ให้ สว.ที่ประสงค์จะอภิปราย ได้เข้าชื่อ ทั้งนี้ สว.ได้รับเวลาอภิปรายรวม 6 ชั่วโมง จึงต้องมีการจัดสรรเวลาให้ สว.ที่ต้องการอภิปราย การลงชื่อดังกล่าวนั้นจะเปิดรับจนถึงเวลา 09.00 น. ของวันที่ 13 ก.พ. ดังนั้นจึงยังไม่ทราบว่ามี สว.อภิปรายจำนวนเท่าใด

เมื่อถามว่าที่ประชุมวิปวุฒิสภาได้หารือถึงทิศทางการพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้พูดถึง อีกทั้งวิปวุฒิสภาไม่สามารถกำหนดทิศทางใดๆได้ เพราะเป็นสิทธิของสมาชิกในการตัดสินใจ

เมื่อถามถึงกรณีที่นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.กลุ่มสีขาว เตรียมยื่นญัตติต่อประธานรัฐสภาเพื่อขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนมีประชามติ โฆษกวิปวุฒิสภา กล่าวว่า ที่ประชุมวิปวุฒิสภาไม่ได้หารือเรื่องดังกล่าว และไม่ทราบว่าญัตติดังกล่าวได้ยื่นไปแล้วหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (11 ก.พ.) นพ.เปรมศักดิ์ เพียรยุระ สว.กลุ่มสีขาว ได้แจ้งหมายข่าวต่อสื่อมวลชนว่า จะยื่นญัตติต่อนายวันมูหะมัดนอร์  มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อขอให้รัฐสภามีมติให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2)  โดยจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนใน 14.45 น. ก่อนการยื่นญัตติ อย่างไรก็ดีเมื่อถึงเวลานัดหมายไม่พบว่านพ.เปรมศักดิ์ มาตามนัด ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์สอบถามรายละเอียด พบว่านพ.เปรมศักดิ์ ปิดโทรศัพท์มือถือและแจ้งผ่านเจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาว่า ไม่ขอให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน

ทั้งนี้มีรายงานข่าวแจ้งว่าในญัตติดังกล่าว นพ.เปรมศักดิ์ ได้ดำเนินการขอเสียงสนับสนุนจากสว. ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 31 โดยต้องมีสว.ร่วมสนับสนุนญัตติ 40 คน เบื้องต้นได้มีการลงชื่อครบแล้วตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ. ที่ผ่านมา และพร้อมจะยื่นต่อประธานรัฐสภา เพื่อให้บรรจุในวาระการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 13 ก.พ. นี้

ล่าสุด นายเศรณี อนิลบล สว.ฐานะผู้ร่วมลงชื่อเสนอญัตติดังกล่าว ให้สัมภาษณ์ว่าญัตติดังกล่าวยังไม่ยื่นต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา  ประธานรัฐสภา แต่ได้เข้าพบนายวันมูหะมัดนอร์ ในช่วงเวลา 16.30 - 18.30 น. ของวันที่ 11 ก.พ. เพื่อหารือถึงกระบวนการยื่นญัตติดังกล่าว รวมถึงได้พูดคุยในหลักการและเหตุผล ไทม์ไลน์ว่าเป็นอย่างไร

"ยอมรับผมเป็นสว.ใหม่ หากจะเดินหน้าทำอะไรต้องศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ส่วนการพูดคุยกับประธานรัฐสภาได้คำตอบในใจแล้ว ส่วนทิศทางจะเป็นอย่างไร ขณะนี้ต้องหารือกันในกลุ่มอีกครั้ง และขอให้สื่อมวลชนสอบถามความชัดเจนอีกครั้งในวันที่ 13 ก.พ. หลังเวลา 08.30 น."
นายเศรณี กล่าวต่อว่า ตนรู้สึกแย่ที่ถูกสื่อถามว่ารับงานใครมาหรือไม่ ยืนยันว่าไม่รับงานใคร หากจะมีคือรับงานจากประชาชน การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องถามความรู้สึกประชาชนส่วนใหญ่ว่ารู้สึกอย่างไร จากที่รับฟังมาถึงเวลาแล้วหรือไม่ที่จะแก้รัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ถ้าต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญจริงควรพิจารณาเป็นรายมาตรา หรือเป็นเรื่องๆ

“สิ่งที่ 2 พรรคเสนอแก้รัฐธรรมนูญนั้น เป็นเรื่องเร่งด่วนหรือไม่ แก้แล้วจะทำให้เศรษฐกิจประเทศดีขึ้น ประชาชนอิ่มปากอิ่มท้องหรือไม่ ทั้งที่ขณะนี้มีปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนอยากให้แก้ไข เช่น ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ สินค้า น้ำมันราคาแพง ทำไมไม่เร่งแก้ไขเรื่องดังกล่าวก่อน อีกทั้งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ดีตรงไหน หากคิดจะแก้ ควรเอาไว้ทีหลังหลังจากที่แก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนแล้ว” นายเศรณี กล่าว

เมื่อถามว่าหากจะยื่นญัตติเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญจะยื่นผ่านที่ประชุมรัฐสภาได้เลยหรือไม่ นายเศรณี กล่าวว่า สามารถยื่นในที่ประชุมรัฐสภาได้ เป็นการเสนอด้วยวาจาและมีผู้รับรอง 40 คน

เมื่อถามว่าส่วนตัวสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนหรือไม่ นายเศรณี กล่าวว่า “ไม่ถึงกับไม่เห็นด้วย แต่ไม่ถึงเวลา เพราะผมมองว่ารัฐสภาควรระดมกำลังเพื่อแก้ปัญหาความทุกข์ร้อนให้ประชาชนดีกว่า ผมขอถามด้วยว่าหากวันนี้แก้รัฐธรรมนูญได้จะทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจดีขึ้นหรือไม่”

เมื่อถามว่าในวันประชุมรัฐสภาเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ จะเข้าร่วมประชุมหรือไม่ นายเศรณี กล่าวว่า จะเข้าประชุมเพราะเป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา ส่วนทิศทางการพิจารณาหรือการลงมตินั้น ตนมีในใจแล้ว โดยตนเป็นสว.ของปวงชนชาวไทย ต้องยึดประโยชน์ของประชาชน
วันเดียวกัน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรีเตรียมเดินทางลงพื้นที่จังหวัด พัทลุง และ สงขลา ระหว่างวันจันทร์และอังคาร ที่ 17 – 18 กุมภาพันธ์ 2568 นี้และนายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งแรกของปีใหม่นี้

โดยนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีทุกกระทรวง ลงพื้นที่ตรวจราชการ รับฟังปัญหา เพื่อผลักดันนโยบายของรัฐบาลในพื้นที่ต่าง ๆ ของภาคใต้ อาทิการพัฒนาการเกษตรสู่เกษตรสมัยใหม่ และเกษตรมูลค่าสูง(ด้านพืช ประมง ปศุสัตว์ สมุนไพร และไม้เศรษฐกิจ) รวมทั้งการท่องเที่ยว และท่องเที่ยวชุมชน สู่การท่องเที่ยวมูลค่าสูงอย่างยั่งยืน การพัฒนาอุตสาหกรรม เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว(BCG) การค้า การลงทุน และการค้าชายแดน เพื่อยกระดับเศรษฐกิจของกลุ่มจังหวัดรวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งโลจิสติกส์ เครือข่ายการสื่อสาร และพลังงาน เพื่อเป็นฐานการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมของกลุ่มจังหวัดภาคใต้เพื่อการพัฒนาสังคม สู่สังคมเป็นสุขและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนพร้อมทั้งติดตามการฟื้นฟูอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้อีกด้วย

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ โดยในวันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.30 น. นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6)ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยาน จังหวัดตรัง ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมือง และเดินทางต่อไป ที่จังหวัดพัทลุง โดยเวลาประมาณ 13.00 น. นายกรัฐมนตรีจะติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาที่จุดชมวิวทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ซึ่งจุดนี้จะมองเห็นทะเลน้อย และทะเลสาบสงขลา เพื่อติดตามการบริหารจัดการน้ำ ในยามน้ำแล้งหรือน้ำท่วม เพื่อบริหารให้เกิดประโยชน์ สูงสุดต่อประชาชนไม่ให้ได้รับผลกระทบทั้งน้ำท่วมน้ำแล้งอีกต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้

ต่อจากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปยังบริษัท ไทยยูเนี่ยนซีฟู๊ด จำกัด ที่อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เพื่อพูดคุยรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะ ในกระบวนการผลิตและส่งออกอาหารทะเลของไทย เพื่อนำมาปรับปรุงนโยบายต่าง ๆ ของทางราชการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสินค้าประมงของไทยที่กำลังได้รับความนิยมจากตลาดโลก จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปรับฟังแนวทางการสนับสนุนการท่องเที่ยว ในเมืองน่าเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาล ที่ชุมชนเมืองเก่าสงขลา และพูดคุยประเด็นการส่งเสริมหรือเปิดสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดสงขลา ที่บริเวณเมืองเก่าสงขลา อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า ในวันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เวลาประมาณ 10.00 น. นายกรัฐมนตรีจะเป็นประชุมคณะรัฐมนตรีทั้งคณะอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งแรกของปีนี้ที่ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จากนั้น ช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปยังด่านศุลกากรสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เพื่อติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนระหว่างไทยกับมาเลเซีย และติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากร สะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัม ของประเทศมาเลเซีย เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นช่องทางการส่งออกและนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยไปยังมาเลเซีย ซึ่งเชื่อมต่อกับถนนมอเตอร์เวย์ของมาเลเซีย ที่เดินทางไปยังเมืองปีนัง และไปถึงกรุงกัวลาลัมเปอร์ต่อเนื่องไปถึงเมืองยะโฮบารู ชายแดนมาเลเซีย สิงคโปร์ ได้อีกด้วย

“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญในการติดตามความคืบหน้าของโครงการพัฒนาภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย รวมถึงรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ เพื่อผลักดันนโยบายของรัฐบาลให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ซึ่งการประชุมครม.สัญจร ในภาคใต้ครั้งนี้ จะทำให้รัฐบาลเห็นถึงโอกาสและปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะติดขัดในช่วงหลายปีที่ผ่าน เพื่อพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ที่มีศักยภาพอย่างมากในโครงการระดับประเทศและระดับโลกต่างๆ” นายจิรายุ กล่าว