ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา รอง ผบกป., พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย, พ.ต.ท.หัตถพร ทองคำ, พ.ต.ท.หัตถพล ทองคำ และ พ.ต.ท.ณัติรุจน์ วัฒนะฉัตรรัตน์ รอง ผกก.5 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ มีมุสิก สว.กก.5บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.5 บก.ป.
ได้ร่วมกันจับกุม นายนัตตพงษ์ฯ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับรวมจำนวน 2 หมายจับ ได้แก่ 1. หมายจับศาลจังหวัดชุมพร ที่ จ.147/2567 ลง 29 มีนาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน“ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และร่วมกันฉ้อโกง”
2. หมายจับศาลอาญา ที่ 3318/2566 ลง 28 กันยายน 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง, โดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” สถานที่จับกุม บ้านพักในพื้นที่ ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
พฤติการณ์ในส่วนของหมายจับศาลจังหวัดชุมพร สืบเนื่องจากทางผู้เสียหายได้เห็นโฆษณาชักชวนให้ลงทุนทำกิจกรรมขายสินค้าออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันออนไลน์ โดยหลอกว่าจะได้รับกำไรเป็นเงินปัญผลตามสัดส่วนที่ลงทุน โดยคนร้ายมีการสร้างแอปพลิเคชันหลอกให้ผู้เสียหายเชื่อว่ามีการดำเนินกิจการจริง และแสดงตัวเลขที่จะได้รับผลตอบแทน ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีที่คนร้ายใช้ (บัญชีม้าซึ่งเป็นชื่อผู้ต้องหา) จำนวน 11 ครั้ง รวมเป็นเงิน 2.97 ล้านบาท ต่อมาเมื่อไม่สามารถถอนเงินออกได้ และไม่สามารถติดต่อคนร้ายได้ ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรปะทิว จังหวัดชุมพร พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดชุมพรออกหมายจับตามหมายจับดังกล่าว
และในส่วนของหมายจับศาลอาญา สืบเนื่องมาจากมีคนร้ายใช้บัญชีเฟซบุ๊กซึ่งสร้างโปรไฟล์น่าเชื่อถือ ชักชวนผู้เสียหายร่วมลงทุนโดยอ้างว่าเป็นการลงทุนเพื่อกำไรจากการซื้อขายเงินคริปโทเคอร์เรนซี จนผู้เสียหายหลงเชื่อเริ่มโอนเงินลงทุนครั้งแรกเป็นเงิน 5,000 บาท ซึ่งทางคนร้ายได้สร้างบัญชีปลอมผ่านหน้าเว็บไซต์ทำให้ ผู้เสียหายสามารถตรวจสอบผลการลงทุนได้ โดยวันแรกผู้เสียหายทำกำไรและสามารถถอนเงินบางส่วนออกมาได้ ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อลงทุนเพิ่มรวมกว่า 4.5 ล้านบาท โดยได้โอนเงินเข้าบัญชีคนร้ายซึ่งเป็นบัญชีม้า ต่อมาเมื่อต้องการถอนเงินออกจากระบบกลับไม่สามารถทำรายการได้ และทางคนร้ายยังหลอกให้โอนเงินเข้าในระบบเพิ่มเติมโดยแจ้งว่าผู้เสียหายทำผิดกฎในการสั่งถอน ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อโอนเงินไปตามที่คนร้ายแจ้ง อีกจำนวน 3 ครั้ง รวมผู้เสียหายโอนเงินไปทั้งหมด 12 ครั้ง รวมเป็นเงิน 8.25 ล้านบาท ซึ่งต่อมาเมื่อไม่สามารถสั่งถอนเงินจำนวนดังกล่าวได้ จึงเชื่อว่าถูกหลอก จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับตามหมายจับดังกล่าว
นอกจากนี้ยังพบผู้เสียหายอีก 1 ราย ที่ถูกหลอกลวงให้ร่วมลงทุนทำกิจกรรมขายสินค้าออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันซื้อขายสินค้า มูลค่าความเสียหายกว่า 2.4 แสนบาท ซึ่งทางผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.เมืองมหาสารคาม โดยทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอออกหมายจับผู้ต้องหา
ซึ่งในจำนวนผู้เสียหายทั้ง ๓ รายนี้ พบว่าถูกหลอกลวงให้โอนเงินไปยังบัญชีคนร้ายมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า ๑๑ ล้านบาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต จากนั้นจึงวางแผนเข้าทำการจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าวไว้ได้ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรปะทิว จังหวัดชุมพร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าเมื่อประมาณเดือนเมษายน 2566 ผู้ต้องหาเคยเปิดบัญชีให้กับเพื่อน จำนวน 2 บัญชี ได้ค่าจ้าง 1,000 บาท โดยตนเองไม่ทราบว่าบุคคลดังกล่าวจะนำบัญชีไปใช้ในเรื่องใด
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ฝากเตือนภัย สำหรับการรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารหรือยอมให้ผู้อื่นเอาบัญชีไปใช้ถือเป็นความผิดและมีโทษตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากผู้อื่นนำบัญชีธนาคารดังกล่าวไปใช้ในการกระทำความผิดผู้ที่เปิดบัญชีอาจต้องรับโทษในความผิดนั้นๆ ด้วย
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ มีมุสิก สว.กก.5 บก.ป. โทร.0648156699