“ตำรวจสอบสวนกลาง”บุกค้น 20 จุด 8 จังหวัด ทลาย “แก๊งฟอกเงินมังกรเทา” พบตุ๋นเหยื่อรับเงินดิจิทัลสกุล USDT 6,500 ล้านบาท ถอนเงินสดแล้วกว่า 2,900 ล้านบาท ยึดทรัพย์สินเพียบ 

เมื่อวันที่ 18 ก.พ.68 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.)โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ดังนี้น.ส.อัจฉรา อายุ 27 ปี MR.GAO อายุ 35 ปี MR.XIONG อายุ 30    ปี MR.MAO อายุ 46 ปี ที่ห้องพักแห่งหนึ่งย่านไนท์ซาฟารี ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ MRS.ZHOU อายุ 44    ปี จับกุมได้ที่ ต.สันผีเสื้อ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ น.ส.พรทิพย์ อายุ 44 ปี จับกุมได้ที่ อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี นายนพวิทย์ อายุ 31 ปี จับกุมได้ที่ อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว นายชลธี อายุ 21 ปี จับกุมได้ที่ อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร น.ส.ปัณฑารีย์ อายุ 26 ปี จับกุมได้ที่ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช น.ส.สุภาวดี อายุ 39 ปี จับกุมได้ที่ อ.ลาดใหญ่ จ.สมุทรสงคราม ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่”

โดยเมื่อวันที่ 11-14 ก.พ.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท.ได้สนธิกำลัง เปิดปฏิบัติการ “ทลายแก๊งฟอกเงินมังกรเทา” เข้าตรวจค้นจำนวน 20 จุด 8 จังหวัด ทั่วประเทศไทย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 10 ราย ได้แก่ สมาชิกแก๊งฟอกเงินให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทยจำนวน 5 ราย และเจ้าของบัญชีม้าที่ใช้ในการกระทำความผิด จำนวน 5 ราย พร้อมยึดของกลางและทรัพย์สินต่างๆ รวม 210 รายการ นอกจากนี้ยังตรวจค้นอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเชื่อว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวได้ทำการฟอกเงินซื้อทรัพย์สิน และอสังหาริมทรัพย์ โดยเป็นบ้านหรูและคอนโดหรู ทรัพย์สินมีค่า อาทิเช่น นาฬิกาหรู กระเป๋าแบรนด์เนม เครื่องประดับ มูลค่ารวมทั้งหมดกว่า 440 ล้านบาท  

 ทั้งนี้จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของแก๊งพบว่ามีการรับเงินดิจิทัลสกุล USDT จำนวนประมาณ 187 ล้านเหรียญUSDT คิดเป็นเงินไทยประมาณ 6,500 ล้านบาท และมีการถอนเงินสดเป็นเงินไทยประมาณ 2,900 ล้านบาท และยังมีการนำเงินที่ได้จากการกระทำความผิดไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่างๆ