คุณหมอนางงาม “หมอเพื่อน" กับบทบาทสุดสตรอง! แพทย์อาสา พร้อมเตือนภัยเงียบ! คนติดหวาน ใน “จุดเปลี่ยนสายแข็ง by BDMS”

“หมอเพื่อน” พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี คุณหมอนางงาม แพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ป้องกัน (Preventive Medicine) ผู้อำนวยการศูนย์พรีเมียร์ไลฟ์เซ็นเตอร์ โรงพยาบาลพญาไท 2 แขกรับเชิญสุดพิเศษที่มาจะมาเปิดใจกับพิธีกร น้าเน๊ก-เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ถึงเส้นทางชีวิต การทำงานแบบสุดโต่ง เพราะนอกจากความสวยและความสามารถในวงการแพทย์แล้ว อะไรที่ทำให้เธอคนนี้พบกับจุดเปลี่ยนในชีวิตบ้าง ติดตามได้ในรายการ “จุดเปลี่ยนสายแข็ง by BDMS” ทางพีพีทีวี ช่อง 36 


    
จากจุดเริ่มต้นชีวิตที่เคยอยากเรียนด้านวิศวะ เนื่องจากครอบครัวดำเนินธุรกิจก่อสร้าง พอถึงเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัยจริง ๆ  คุณแม่ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้ชีวิตพลิกผันมาเลือกเรียนแพทย์ อีกทั้งยังพบจุดเปลี่ยนจากสิ่งที่ได้ร่ำเรียนมา จากนักเรียนแพทย์ที่ทำคะแนนวิชาศัลยศาสตร์ อันดับ 1 ของห้อง จนมาถึงแพทย์เฉพาะทางผิวหนัง ตามด้วยแพทย์ด้านอายุรกรรม กระทั่งสุดท้ายมาสิ้นสุดที่ความสนใจเรื่องเวชศาสตร์ชะลอวัย หรืออีกหนึ่งศาสตร์ที่ทำให้หมอเพื่อนมีความมุ่งมั่นที่จะทำงาน และศึกษาทางด้านนี้แบบโดยตรง ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยสามารถดูแลได้ในระดับลึก เป็นการสะท้อนความสุขภาพดีได้โดยไม่ต้องพึ่งยาด้วย


    
ส่วนฉายา “คุณหมอนางงาม” นั้น ก็มาจากในสมัยอดีตเมื่อปี 2552 หมอเพื่อนเคยคว้าตำแหน่งรองอันดับ 1 จากเวทีประกวดนางสาวไทย อีกทั้งคุณหมอได้มีความมุ่งมั่นที่ใช้มงกุฏและสายสะพายเป็นสะพานเชื่อมให้เข้าถึงกลุ่มผู้ป่วยด้อยโอกาส และทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมได้ง่ายขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะช่วงเวลาที่คุณหมอเดินทางออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เดินเท้า เป็นหนึ่งในทีมของหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ พอ.สว ในการลงพื้นที่ไปให้บริการประชาชนในพื้นที่ทุรกันดาร โดย หมอเพื่อน เล่าว่า “สิ่งนี้เป็นการที่ทำให้เราได้ใช้วิชาชีพแพทย์ที่เรียนมาได้แบบคุ้มค่าที่สุดในชีวิต เป็นความสุขที่เติมเต็มให้กับตัวเองมาก ทำให้การทำงานของเรากลับมามีพลังมากยิ่งขึ้น และเป็นวิธีการรีสตาร์ทที่ดีที่สุดสำหรับหมอเพื่อน”


แน่นอนว่ามาเป็นแขกรับเชิญรายการ “จุดเปลี่ยนสายแข็ง” ทั้งที หมอเพื่อนยังจัดเต็มข้อแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับเคล็ดลับการดูแลสุขภาพให้ทั้งพิธีกร น้าเน๊ก และผู้ชม อีกทั้งยังเตือนภัยสำหรับผู้ที่ชื่นชอบ “ความหวาน” เพราะน้ำตาลคือยาพิษ! ตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดความเสื่อมสภาพของเซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกายหมอเพื่อน กล่าวต่ออีกว่า “ทุกคนคิดว่าน้ำตาลจะช่วยทำให้สดชื่น ซึ่งจริง ๆ แล้ว น้ำตาลมีดีและไม่ดี ส่วนน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวเป็นสิ่งที่ยิ่งทาน ยิ่งแก่ หากเราดื่มน้ำหวาน 2 แก้ว ที่คาดการณ์ว่ามีน้ำตาลราว ๆ 100 กรัม สิ่งนี้จะทำให้หยุดการเคลื่อนไหวของเม็ดเลือดขาวถึง 5 ชั่วโมง นั่นแสดงว่าเมื่อร่างกายได้รับเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียอะไรเข้าไป ร่างกายก็


สามารถติดเชื้อได้ง่ายขึ้น หมอเพื่อนแนะนำให้ค่อย ๆ ปรับวิถีชีวิตในการงดทานหวาน หากทำได้ภายใน 21 วัน ร่างกายก็จะเกิดความเคยชินไปเอง” 
    
โดยเรื่องราวทั้งหมดนี้สามารถติดตามชมกันต่อได้กับ หมอเพื่อน พญ.กอบกุลยา รวมถึงวิธีการดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรคจากแพทย์ในเครือ BDMS “อย่าให้อดีตเคยสุด ต้องมาหยุดอยู่กับหมอ” ในรายการ “จุดเปลี่ยนสายแข็ง by BDMS” วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม นี้ เวลา 22.00 น. เป็นต้นไป ทางพีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 หรือรับชมผ่านเว็บไซต์ www.pptvhd36.com หรือแอปพลิเคชัน และ YouTube ช่อง PPTVHD36