เมื่อวันที่ 4 พ.ค.67 นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีและส.ส.6สมัย โพสต์บทวิจารณ์ความล้มเหลวของนายกรัฐมนตรีกรณีพลาดดีลไมโครซอฟท์ในเฟสบุ๊คเรื่อง

บทพิสูจน์ความล้มเหลว

“นายกฯ.เศรษฐา”

กรณีไมโครซอฟท์(Microsoft)

“แพ้มาเลฯ.-อินโดฯ.ราบคาบ

ทำประเทศเสียโอกาสครั้งใหญ่”

โดยมีเนื้อหาดังนี้

“..,ผมติดตามข่าว"สัตยา นาเดลลา" ซีอีโอ.ไมโครซอฟท์ (Microsoft)บริษัทยักษ์ใหญ่ไอทีของโลกมาเยือนอินโดนีเซีย ไทยและมาเลเซียระหว่างวันที่ 30 เมษายน-2 พฤษภาคม 2567อย่างใจจดใจจ่อ

  ทั้งนี้เพราะนายกรัฐมนตรี“เศรษฐา ทวีสิน”ทำใหัเกิดความหวังจากการให้สัมภาษณ์หลังพบเจรจากับประธานและซีอีโอบริษัทไมโครซอฟท์ที่นิวยอร์กและซานฟรานซิสโก้ในเดือนกันยายนและพฤศจิกายนปีที่แล้วถึงขั้นทำบันทึกความร่วมมือ(MOU)ว่า ดีลสำเร็จจะมีการลงทุนเป็นแสนล้านจากไมโครซอฟท์

    ผมคาดหวังว่า "สัตยา นาเดลลา" ซีอีโอ.ไมโครซอฟท์จะประกาศแผนงานโครงการและตัวเลขการลงทุนด้านดิจิตอลเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์(AI-Artificial Intelligence)ในประเทศไทยเป็นแสนล้านตามเป้าหมายดิจิตอลฮับภายใต้วิสัยทัศน์”Ignite Thailand”ของนายกรัฐมนตรีที่ให้ข่าวก่อนหน้านี้

      เมื่อถึงวันที่ 1 พ.ค 2567

ซีอีโอ.ไมโครซอฟท์มาเยือนไทยกลับไม่มีการประกาศตัวเลขการลงทุนในไทยที่ชัดเจนแม้แต่สลึงเดียว มีเพียงคำแถลงว่าจะตั้งดาต้าเซนเตอร์แห่งแรกในไทยและจะสนับสนุนการพัฒนาคนไอที 100,000 คน

     ทั้งที่ก่อนมาไทย1วันคือวันที่ 30 เมษายน 2567 ซีอีโอ.ไมโครซอฟท์เดินทางเยือนอินโดนีเซียและประกาศตัวเลขการลงทุน 1.7 พันล้านดอลลาร์(กว่า 6 หมื่นล้านบาท)ในอินโดนีเซียพร้อมแผนงานโครงการอย่างละเอียดชัดเจน

   ยิ่งกว่านั้นในวันที่ 2 พ.ค. 2567 ซีอีโอ.ไมโครซอฟท์ไปเยือนมาเลเซียได้ประกาศตัวเลขการลงทุนในมาเลเซีย 2.2 พันล้านดอลลาร์(กว่า8หมื่นล้านบาท)เพื่อสนับสนุนความเป็นฮับดิจิตอลของมาเลเซีย

   แสนล้านของไทยหายไปไหนครับ ?

    ส่วนกรณีไมโครซอฟท์จะตั้งดาต้าเซนเตอร์แห่งแรกในไทยเป็นความชัดเจนเท่าที่จับต้องได้

แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าไมโครซอฟท์มีดาต้า เซนเตอร์กว่า 300 แห่งทั้งระดับประเทศและระดับภูมิภาคใน34 ประเทศทั่วโลก

    เข่นเดียวกับโครงการพัฒนาคนไอทีที่ไมโครซอฟท์จะช่วยไทย 1 แสนคน นั้นน้อยกว่าที่จะช่วยมาเลเซีย 2 แสนคนและอินโดนีเซีย 8 แสนกว่าคน

    การเปิดดีลและปิดดีลที่มีเวลาทำงานยาวนานกว่า7เดือนตั้งแต่ปลายกันยายน 2566 ถึง 1 พฤษภาคม 2567 ของนายกรัฐมนตรีในการดึงไมโครซอฟท์มาลงทุนในไทยล้มเหลวไม่เป็นท่าและพ่ายแพ้ต่อมาเลเซีย-อินโดนีเซียแบบราบคาบ

   ผมหวังว่า ความล้มเหลวในการทำงานกรณีไมโครซอฟท์จะเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ของนายกรัฐมนตรี ในการแก้ไขปรับปรุงการทำงานแบบผู้บริหารประเทศไม่ใช่แบบเซลล์แมนโฉบไปโฉบมาจนจับต้องอะไรไม่ได้

   ท่านต้องตระหนักว่า ท่านทำให้ประเทศเสียโอกาสครั้งใหญ่ในห้วงเวลาที่ประเทศต้องการรายได้และเงินลงทุนเพราะทุกบาททุกดอลลาร์คืองานและปากท้องของประชาชนคนไทย

     ผมยังกังวลว่า ขณะที่ท่านไม่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆในการดึงเงินลงทุนเข้าประเทศและไม่สามารถหาเงินเข้าประเทศจนส่งออกติดลบ10%ขาดดุลการค้าหลายแสนล้านทำให้เศรษฐกิจตกต่ำฝืดเคืองไปทุกหย่อมหญ้า

    แทนที่นายกรัฐมนตรีจะรีบปรับปรุงการทำงานเร่งทำมาหากินสร้างเงินให้ประเทศ

     ท่านกลับคิดแต่จะกู้เงินก่อหนี้ให้ประเทศอีกกว่า1 ล้านล้านบาทในปีนี้และปีหน้า

    แล้วประชาชนจะอยู่กันอย่างไร และประเทศจะเป็นอย่างไร

    จะให้ประชาชนและประเทศชาติติดหล่มจมปลักอยู่กับหนี้สินโงหัวไม่ขึ้นแบบนี้ตลอดไปอย่างนั้นหรือ.”