เมื่อเวลา 08.20 น. วันที่ 2 พ.ค. 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า หลังจากได้รับการโปรดเกล้าฯเป็นรัฐมนตรีขณะนี้ยังไม่ได้รับมอบหมายงาน แต่ที่ตนตั้งใจไว้คือต้องการแบ่งเบาภารกิจ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้ได้มากที่สุด 

เมื่อถามว่า สาเหตุที่เป็นรัฐมนตรีได้อย่างไรหลังก่อนหน้านี้ทางพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เสนอรายชื่อแคนดิเดตรัฐมนตรี เพื่อให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจหลายคน นายอรรถกร กล่าวว่า เท่าที่ทราบตามข่าวพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพปชร.ส่งรายชื่อไป 3-4 รายชื่อ รวมถึงชื่อแคนดิเดตเก่า หลังจากนั้นก็ขึ้นกับนายกรัฐมนตรีกรุณาเลือกตนเข้ามาทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีเพื่อมาทำงานร่วมกับร.อ.ธรรมนัส และเชื่อว่าตนและร.อ.ธรรมนัส จะทำงานร่วมกันได้อย่างดีเพื่อประโยชน์ของประชาชนต่อไป โดยเป้าหมายส่วนตัว จะผลักดันนโยบายต่างๆที่นายกรัฐมนตรีและร.อ.ธรรมนัส ได้มอบไว้ให้และจะทำให้บรรลุในทุกข้อ

เมื่อถามว่า สาเหตุที่นายกรัฐมนตรีเลือกเข้ามาเพราะมีภาพคนรุ่นใหม่เป็นองค์ประกอบร่วมด้วยใช่หรือไม่ นายอรรถกร ระบุว่า ตนตอบแทนนายกรัฐมนตรีไม่ได้ แต่ในเมื่อตนมีโอกาสมาทำงานตรงนี้ สะท้อนให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่มีโอกาสเข้ามาทำงาน และทราบมาว่าครม.ชุดนี้มีคนรุ่นใหม่หลายคนเข้ามา ก็เชื่อว่าจะร่วมมือกันทำงานมิติใหม่ๆเพิ่มขึ้น

เมื่อถามว่า หลังได้รับการแต่งตั้งแล้วยังมีแรงกระเพื่อมในพรรคพปชร.อยู่หรือไม่ นายอรรถกร ระบุว่า ต้องขอบคุณพี่น้องเพื่อนในพรรคพปชร.หลังจากมีข่าวตนได้รับการโปรดเกล้าฯก็มีคนเข้ามาแสดงความยินดี และตนจะตั้งใจทำงานในฐานะที่เป็นตัวแทนของพรรค และคนฉะเชิงเทราที่มีโอกาสเข้ามาทำงานฝ่ายบริหาร และให้สมกับที่นายกรัฐมนตรีให้ความไว้วางใจ

จากนั้นนายอรรถกร ให้สัมภาษณ์อีกครั้งภายหลังตรวจ rtpcr ว่า ขณะนี้ตนเตรียมตัวทำงาน และดีใจที่ได้รับมอบหมาย ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร และตั้งแต่วันที่ พล.อ.ประวิตร ส่งชื่อ และตั้งแต่ทราบว่าจะได้เป็นรัฐมนตรี ก็ได้มีการคิดล่วงหน้าและเตรียมความพร้อม ว่าเมื่อเรามีโอกาสได้เข้ามาทำงานในฐานะรัฐมนตรีช่วย  ก็จะทำให้ดีที่สุด

อย่างไรก็ตามเมื่อได้รับผิดชอบมาเป็นรมช.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งถือเป็นกระทรวงใหญ่ ซึ่งเป็นกระทรวงที่ดูแลเกษตรกรที่มีจำนวนมากในประเทศไทย แต่ยอมรับว่าก็อาจจะรู้สึกกดดันบ้าง อีกทั้งตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส ได้ทำงานไว้ผลงานระดับชิ้นโบว์แดง แม้จะมีข้อจำกัดในเรื่องของงบประมาณบ้าง แต่ดัชนีชี้วัดต่างๆก็เป็นเชิงบวกอย่างที่ทุกคนเห็นอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า การที่พรรคพปชร.ได้ดูกระทรวงเกษตรทั้งหมด จะส่งผลอย่างไร นายอรรถกร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เป็นอย่างไรตนไม่ทราบ แต่เบื้องต้นเท่าที่ได้คุยกับ ร.อ.ธรรมนัส ซึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไรกันอยู่แล้ว ตนเองตั้งใจที่จะทำงานเพื่อแบ่งเบาภารกิจของท่าน และพร้อมสนับสนุนในทุกๆเรื่องที่จะสามารถแบ่งเบาได้ และในฐานะคนรุ่นใหม่ ก็จะทำตามนโยบาย รมว.เกษตร ที่ได้วางนโยบายไว้ คือการใช้นวัตกรรมใหม่ๆและใช้เทคโนโลยีใหม่ๆเข้าไปทำงาน

ดังนั้นการสื่อสารถือเป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะเกษตรกรที่สูงอายุ โดยเฉพาะเมื่อโลกเปลี่ยนไปหากเราใช้รูปแบบเดิมๆ ผลลัพธ์อาจจะเป็นแบบเดิมหรือน้อยกว่าเดิมด้วยซ้ำเนื่องจากทุกอย่างเปลี่ยนไป โดยเฉพาะภูมิอากาศซึ่งส่งกระทบกับผลผลิต จึงจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีใหม่ใหม่ ซึ่งกระทรวงเกษตรก็มีหลายหน่วยงาน และนักวิชาการที่มีความรู้ความสามารถจะเข้าไปช่วยตรงนี้ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเข้ามาทำงานตรงนี้ พล.อ.ประวิตรได้ฝากฝังอะไรหรือไม่ นายอรรถกร กล่าวว่า  “ท่านบอกว่าอย่าให้เสียชื่อ ท่านมอบความไว้วางใจแล้ว ท่านให้โอกาสแล้วก็ต้องทำให้เต็มที่ครับ”