โบรกฯ ชั้นนำ “บียอนด์ - ซีจีเอส - ฟินันเซีย ไซรัส - กรุงศรี พัฒนสิน” เคาะกรอบราคาเหมาะสม หุ้น TERA ที่ 2.20 - 2.70 บาท จากราคาไอพีโอ 1.75 บาท พร้อมเข้าเทรดกระดาน mai วันที่ 24 เม.ย.นี้ เชื่อมั่นในศักยภาพธุรกิจแข็งแกร่ง โมเดลธุรกิจแบบมีรายได้ประจำสม่ำเสมอในสัดส่วนสูง เน้นความมั่นคงการสร้างรายได้ไปพร้อมกับการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมลุยบริการ T.Cloud Gen3 พัฒนาผลิตภัณฑ์ เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ และกำไร ตั้งเป้าผลงาน 3 ปีข้างหน้าเติบโตก้าวกระโดด
บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) (บล. BYD) ประเมินกำไรสุทธิ CAGR ที่ 21% ในปี 2023-2025 เพิ่มขึ้นจาก 26 ล้านบาทในปี 2022 เป็น 46 ล้านบาทในปี 2025 โดยมีปัจจัยหลัก 1. การขยายตัวของการให้บริการระบบ T.Cloud โดยในปัจจุบันมีสัญญาลูกค้ามากกว่า 100 สัญญา อัตราการรักษาลูกค้าเก่าสูงถึงประมาณ 94% 2. ขยายกลุ่มลูกค้าจากซอฟต์แวร์ Skyfrog และ 3. การเติบโตของอุปกรณ์ไอที
ทั้งนี้ บล. BYD กำหนดราคาเหมาะสมเท่ากับ 2.70 บาทต่อหุ้น ประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ TERA อิง PER ปี 2024E ที่ 18 เท่า เชื่อว่าหลังจากเพิ่มทุน IPO TERA จะเน้นสร้างรายได้ประจำเพิ่มมากขึ้น โดยเน้นขยายงานให้บริการด้านบริการระบบ Cloud (T.Cloud) Services ที่กำลังจะพัฒนาไปยัง Gen3
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (บล. CGSI) ระบุว่า แผนการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต จะช่วยเพิ่มความสามารถการทำกำไร คาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2023E-2025E จะเติบโตในอัตราเฉลี่ย 26.8% ต่อปี
โดยกลยุทธ์การเติบโตหลักที่ TERA มุ่งเน้นในช่วงที่ผ่านมาคือการสร้างรายได้ที่มั่นคงด้วยรายได้ประจำสม่ำเสมอ (หรือ Recurring Income) ซึ่งมีแผนเติบโตจาก 1. การเติบโตภายใน (Organic Growth) อย่างการพัฒนา Cloud Gen3 เพื่อรองรับการเติบโตของฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น การต่อสัญญาซ้ำของลูกค้ามากกว่า 94% ทั้งยังมีธุรกิจให้บริการซอฟต์แวร์สำหรับโลจิสติกส์อย่าง Skyfrog ช่วยหนุนการเติบโตในอนาคต และ 2. การเติบโตจากภายนอก (Inorganic Growth) โดยบริษัทมีแผนที่จะใช้เงินระดมทุนเพื่อขยายการลงทุนไปยังธุรกิจ SMEs ในกลุ่มไอทีที่มีศักยภาพ และมีโมเดลธุรกิจแบบรายได้ประจำสม่ำเสมอเป็นส่วนใหญ่ เน้นความมั่นคงของการสร้างรายได้ไปพร้อมกับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บล. CGSI ประเมินมูลค่าเหมาะสมของ TERA ที่ 2.60 บาทต่อหุ้น อิงประมาณการ EPS ในปี Y2024F ที่ 0.15 บาท อ้างอิง P/E ที่ 17.x เท่า บนค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5 ปี คาดว่า TERA จะมีกำไรสุทธิ สำหรับปี Y2023F-2025F ที่ 26.8%
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) (บล. KCS) ประเมินมูลค่าพื้นฐานของ TERA ปี 2024F ที่ 2.20 บาท ด้วย P/E เป้าหมาย 15.3 เท่า โดยมีจุดเด่นให้บริการ ICT Solution ครอบคลุมทั้ง Hardware และ Software System รวมทั้งเป็นพันธมิตรระดับ Platinum Partner กับ HPE ประกอบกับมีสัดส่วนรายได้ต่อเนื่องสูงเฉลี่ยต่อปีราว 45-50% รวมทั้งฐานะการเงินที่มั่นคง มีโอกาสได้รับงานเพิ่มเติม คาดกำไรสุทธิ 3 ปี ข้างหน้าเติบโตต่อเนื่อง +12% CAGR 2023F-2025F
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) (บล. FSS) วิเคราะห์ว่า TERA ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2024 อิง PER 15.0 เท่า อยู่ที่ 2.20 บาท คาดกำไรสุทธิปี 2023-2025 เติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 3 ปี ที่ 28.8% CAGR หนุนจากทั้งรายได้จากการขายและรายได้และจากการให้บริการที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม มุมมองบทวิเคราะห์ 4 แห่ง ประเมินภาพรวมการเติบโตของ TERA ไปในทิศทางเดียวกันว่ามีพื้นฐานแข็งแกร่ง จากผลประกอบการของ TERA ที่ผ่านมา รวมถึงความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตไปพร้อมๆ กับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในปัจจุบันที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำให้ TERA มีโอกาสนำเสนอโซลูชั่นทางเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์มาตรฐานตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นด้านการพัฒนาระบบประมวลฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ระบบการจัดเก็บข้อมูลที่มีคุณภาพ รวมถึงการป้องกันภัยคุกคามทางด้านไซเบอร์ เน้นสร้างรายได้ประจำเพิ่มมากขึ้น โดยเน้นขยายงานให้บริการด้านบริการระบบ Cloud Services (T.Cloud) ซึ่ง TERA ได้ให้บริการ Gen1 และ Gen2 มาแล้วมากกว่า 7 ปี ที่กำลังจะพัฒนาไปยัง Gen3 ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อการเติบโตของรายได้ TERA ส่งผลให้นักวิเคราะห์ประเมินกรอบราคาเป้าหมายเหมาะสม ระหว่าง 2.20 - 2.70 บาทต่อหุ้น และ TERA พร้อมเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 24 เมษายน 2567 (วันที่ 24/4/24) ที่จะถึงนี้