รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr  ระบุข้อความว่า... 

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร

16 เมย 67

_______________

19 กพ 67 นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร ได้รับการพักโทษ กลับมาที่พักที่บ้านจันทร์ส่องหล้า

21กพ 67 สมเด็จ ฮุนเซ็นเดินทางมาเยี่ยมพร้อมร่วมรับประทานอาหารกลางวัน

24 กพ 67 คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีนั่งรถประจำตำแหน่งเข้าเยี่ยมคำนับคุณทักษิณ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าเช่นเดียวกัน

14-16 มีค 67 คุณทักษิณได้รับอนุญาตให้เดินทางไปเชียงใหม่ มีผู้คนมาต้อนรับเป็นจำนวนมาก มีการปิดถนนบางส่วน คุณทักษิณ ทำตัวเสมือนหนึ่งเดินทางไปตรวจราชการ มีรัฐมนตรีบางคนมาร่วมขบวน และรับประทานอาหารกลางวันกับนายกรัฐมตรี และญาติพี่น้องของคุณทักษิณ

26 มีค 67 คุณทักษิณเดินทางเข้าพรรคเพื่อไทย เป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี ผู้ใหญ่ของพรรคเพื่อไทยทุกคนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

5 เมย 67 ในการประชุมใหญ่ประจำปีของพรรคเพื่อไทย ได้มีการเปิดคลิปวีดิโอ ซึ่งมีการสัมภาษณ์คุณทักษิณ มาให้สมาชิกพรรคชมและฟัง

14-16 เมย 67 คุณทักษิณ ได้รับอนุญาตให้ไปเชียงใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้มีรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยมาร่วมพิธีรดน้ำดำหัวเป็นจำนวนมาก รัฐมนตรีบางคน และรองประธานสภาฯถึงกับก้มลงไหว้เพื่อมอบพวกมาลัย พร้อมทั้งก้มลงให้คุณทักษิณลูบศีรษะเลยทีเดียว ท่าทีของรัฐมนตรีหลายคนเหมือนกับจะแสดงความขอบคุณที่ให้ตำแหน่งรัฐมนตรีแก่ตน หรืออะไรทำนองนั้นเลยทีเดียว

16 เมษายน 67 คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเข้าพบคุณทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้าอีกครั้ง เพื่อคุกเข่าทำพิธีรดน้ำดำหัวคุณทักษิร และถ่ายรูปร่วมกันอย่างชื่นมื่น

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การเคลื่อนไหวทั้งหมดของคุณทักษิณ เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่แล้ว และก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผู้มีอำนาจสูงสุดที่แท้จริงของพรรคเพื่อไทย และของรัฐบาลไทย ไม่ใช่คุณแพทองธาร ไม่ใช่คุณเศรษฐา แต่คือคุณทักษิณอย่างแน่นอน

เมื่อคุณทักษิณเดินทางไปที่พรรคเพื่อไทย ท่านประธาน กกต ตอบคำถามนักข่าวว่า การเข้าไปที่พรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้หมายความว่าเป็นการครอบงำพรรค ณ วันนี้ ท่านประธานกกต. ไม่น่าจะมีข้อสงสัยแล้วว่า คุณทักษิณมีอำนาจครอบงำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ แค่ดูพฤติกรรมของรัฐมนตรี และส.ส.พรรคเพื่อไทยแต่ละคนในขณะที่พบคุณทักษิณ ก็บอกได้แล้ว

ในขณะที่อยู่เชียงใหม่ระหว่างเทศกาลสงกรานต์ คุณทักษิณบอกนักข่าวว่า ได้บอกน้องสาวคือคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตรว่า สงกรานต์ ปีหน้ามาทำบุญร่วมกัน และยังบอกนักข่าวว่ากรณีการจะกลับบ้านของ คุณยิ่งลักษณ์เป็นกรณีที่ไม่ซับซ้อนเหมือนของตนเอง เพราะมีเรื่องเดียว ของตนเองเขายัดมาให้เยอะ

ย้อนกลับไปดูในราชกิจจานุเบกษา ที่พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานอภัยลดโทษให้คุณทักษิณเหลือเพียง 1 ปี ซึ่งก็ดูเหมือนจะไม่เป็นที่เพียงพอสำหรับคุณทักษิณ เพราะคุณทักษิณไม่ยอมติดคุกแม้เพียงวันเดียว ในราชกิจจานุเบกษาดังกล่าวมีข้อความส่วนหนึ่งดังนี้

"ความว่าเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อถูกดำเนินคดีและศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกดังกล่าวด้วยความเคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิดในการกระทำ มีความสำนึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคำพิพากษา ขณะนี้อายุมาก มีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นั้น

ซึ่งความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว จึงพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ เหลือโทษจำคุกต่อไป อีก 1 ปี ตามกำหนดโทษตามคำพิพากษา เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคม และประชาชนสืบไป"

ข้อความข้างต้นระบุว่า คุณทักษิณ ยอมรับผิดในการกระทำ และมีความสำนีกในความผิด แสดงว่าข้อความนี้เป็นข้อความที่เป็นเท็จ เพราะจากที่คุณทักษิณพูดกับนักข่าวที่เชียงใหม่ว่าตัวเองถูกยัดข้อหา แสดงว่าคุณทักษิณ ไม่ได้ยอมรับผิด และไม่ได้สำนึกผิดแต่อย่างใดเลย

การแจ้งความเท็จที่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย มีโทษจำคุก 2 ปี หรือปรับ 4 หมื่นบาท แต่ไม่ทราบการถวายฏีกาต่อองค์พระมหากษัตริย์ที่มีข้อความที่เป็นเท็จเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง จะมีโทษอย่างไร เป็นการหมิ่นประมาทตามมาตรา 112 หรือไม่ ขอฝากต่อให้ท่านที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้ ไปช่วยกันขยายผลต่อกันด้วยก็แล้วกันนะครับ