ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติสู่การท่องเที่ยวแบบอันซีน เรียกว่าเป็นโชคชะตาและความช่างสังเกตของคุณพ่อ ที่เป็นไกด์นำทางนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชื่นชอบท่องเที่ยวเดินป่า สัมผัสวิถีธรรมชาติ และมีโอกาสเดินทางมาพบกับโป่งน้ำร้อน บริเวณกว้างอยู่กลางทุ่งนา ที่มีน้ำแร่และโคลนผุดขึ้นตามธรรมชาติ จึงเก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจหาแร่ธาตุสำคัญ ที่สถาบันวิจัยน้ำแร่ ในประเทศฝรั่งเศส กลายมาเป็น “ภูโคลน คันทรีคลับ” ในทุกวันนี้
คุณ “วัชรพงค์ กลิ่นปราณีต” เจ้าของภูโคลน คันทรีคลับ จังหวัดแม่ฮ่องสอน แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีทั้งน้ำพุร้อน และโคลนที่มีแร่ธาตุติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก เล่าถึงความเป็นมาจากธุรกิจว่า หลังจากคุณพ่อส่งผลตรวจหาแร่ธาตุสำคัญ เมื่อผลตรวจแจ้งกลับ พบว่า สถานที่แห่งนี้มีน้ำแร่และโคลนอุดมไปด้วยแร่ธาตุ อาทิ แคลเซียม แมกนีเซียม หรือโพแทสเซียม เทียบเท่ากับโคลนจากทะเลสาบเดดซี และโคลนลาวาภูเขาไฟที่ประเทศโรมาเนีย ส่งผลดีต่อผิวพรรณและสุขภาพ จึงเกิดความคิดต่อยอดธุรกิจท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ อาบน้ำแร่ พอกโคลน หนึ่งใน Unseen Thailand ภายใต้ชื่อ “ภูโคลน คันทรีคลับ เฮลท์ มัท สปา” โดยได้แรงสนับสนุนต่อยอดธุรกิจโดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เพื่อสร้างห้องสปาระดับพรีเมี่ยม รองรับนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างชาติ
“ลงมือทำทันที คุณพ่อตัดสินใจซื้อที่แปลงดังกล่าว 85 ไร่ โดยเป็นพื้นที่โป่งน้ำร้อน 15 ไร่ จากนั้นสำรวจสายแร่ใต้ดินด้วยระบบดาวเทียม และทีมงานมืออาชีพจากประเทศออสเตรเลีย พร้อมให้บริการในปี 2543 โดยเน้น อาบน้ำแร่ พอกโคลนเสริมความงาม ถือเป็นกิจกรรมเสริมดึงดูดกลุ่มลูกค้าแถบยุโรป ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของเรา นอกจากบริการสปาที่ประทับใจแล้ว เรายังมีของที่ระลึกเช่นสเปรย์น้ำแร่ และผลิตภัณฑ์จากโคลนธรรมชาติ แจกให้ลูกค้าติดตัวกลับไป เพื่อสร้างความคิดถึงให้กับนักท่องเที่ยวเดินทางกลับมาที่นี่อีกครั้ง” ทายาทธุรกิจ เผย
ผลิตภัณฑ์ที่ภูโคลน คันทรีคลับ จัดทำไว้เป็นของที่ระลึก ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ทำให้เห็นโอกาสกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นำโคลนและน้ำแร่ธรรมชาติมาแตกไลน์เป็นสินค้าเครื่องสำอางเพื่อสุขภาพและความงาม ให้ประโยชน์ทั้งกับผิวหน้า ผิวกาย และเส้นผม เช่น สบู่โคลน เจลน้ำแร่ โคลนพอกหน้า สเปรย์น้ำแร่ แชมพู โคลนหมักผม เป็นต้น ใช้เวลาพัฒนาอยู่ 2 ปี กระทั่งพร้อมจำหน่ายในปี 2552 ภายใต้แบรนด์ “ภูโคลน” (PHU KLON)
คุณวัชรพงค์ ยังเล่าถึงเสน่ห์ด้านบริการและผลิตภัณฑ์ นอกจากเกิดจากแหล่งธรรมชาติแล้ว ยังนำสมุนไพรไทยท้องถิ่นมาประยุกต์ร่วมด้วย ส่งเสริมให้ชาวบ้านเกษตรกรผู้ปลูกเกิดรายได้ และเล็งเห็นความเข้มแข็งของชุมชน กับการจัดจ้างแรงงานทั้งหมดในท้องถิ่นกว่า 40 คน โดยภูโคลน คันทรีคลับ นำองค์ความรู้ด้านนวด สปาเพื่อสุขภาพเข้ามาสอน เมื่อมีงานมีรายได้ คุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ก็ดีขึ้น
เกือบ 10 ปีที่ คุณวัชรพงค์ เข้ามาสานต่อธุรกิจ นอกจากจะพัฒนาในส่วนของบริการและผลิตภัณฑ์ ยังให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าที่แต่เดิมเป็นชาวยุโรป 80-90% กระทั่ง 5 ปีให้หลัง ตลาดแถบประเทศเอเชีย และลูกค้าคนไทยสนใจเดินทางมาท่องเที่ยวและใช้บริการมากขึ้น โดยเฉลี่ยลูกค้าภาพรวม 50,000 คนต่อปี แบ่งเป็น โซนยุโรป 40% ส่วนคนเอเชียและคนไทยกระจายมากขึ้น ทั้งที่มาจากบริษัทนำเที่ยวต่าง ๆ และปัจจุบันนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเอง ทำให้กลุ่มวอล์คอินมากขึ้น โดยช่วงไฮซีซันตั้งแต่เดือน พ.ย.-ก.พ.ของทุกปี
“ผมเติบโตมากับอาชีพนี้ ทั้งชอบ ผูกพัน และมองว่านี่คือหน้าที่ที่เราควรทำเพื่อครอบครัว ซึ่งก่อนศึกษาจบคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยพายัพ ได้เข้ามาเรียนรู้งานก่อนแล้ว พอเรียนจบก็ลุยเต็มตัว โดยมีเป้าหมายให้ ภูโคลน คันทรีคลับฯ เป็นศูนย์ให้บริการสปาเพื่อสุขภาพ มุ่งเน้นการพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ จากโคลนและน้ำแร่ธรรมชาติ ที่มีชื่อเสียงให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล” คุณวัชรพงค์ ระบุถึงแนวคิดที่เลือกเข้ามาสานต่อธุรกิจครอบครัว
วิสัยทัศน์มุ่งเน้นพัฒนาธุรกิจ ส่งผลให้คุณวัชรพงค์ มองเห็นโอกาสกับกลุ่มลูกค้า ผู้มีกำลังซื้อสูง ต้องการรับบริการสปาเพื่อสุขภาพ แบบพรีเมี่ยม จึงวางแผนยกระดับเปิดโซนบริการสปาใหม่ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวขึ้น ซึ่งความคิดนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นรู้ว่าต้องใช้เงินทุนพอสมควร และด้วยรู้จัก SME D Bank ผ่านสื่ออยู่แล้ว จึงเข้าไปพูดคุย กระทั่งรับอนุมัติสินเชื่อ นำไปลงทุนสร้างห้องสปาพรีเมี่ยม แต่พอแล้วเสร็จได้ไม่นาน โควิด-19 เข้ามากระทบทันที ส่งผลกระทบต้องปิดให้บริการชั่วคราวยาวนานถึง 2 ปี
โดยเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย คือ ภาวะกดดัน กระทั่งแสงสว่างบังเกิดที่ปลายอุโมงค์ เพราะ SME D Bank เข้าใจผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ได้แนะนำและพาเข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างการชำระหนี้ ไม่เพียงเท่านั้นยังช่วยเหลือด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางธนาคาร จัดอบรมความรู้ผ่านการสัมมนาในวาระโอกาสต่างๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เก็บเกี่ยวองค์ความรู้สู่การพัฒนาธุรกิจสืบไป
เวลา 2 ปีที่ปิดให้บริการชั่วคราว กลายเป็น 2 ปีที่ได้รับโอกาสเสริมแกร่ง เตรียมพร้อมจะก้าวต่อ จนถึงวันนี้ ภูโคลน คันทรีคลับ เฮลท์ มัท สปา พร้อมแล้วที่จะกลับมาสยายปีกอีกครั้ง