วันที่ 8 เม.ย. 2567  นายธนา ชีรวินิจ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตามที่นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้และพาดพิงมาถึงตนนั้น ความจริงตนไม่ต้องการใช้เวทีสาธารณะไปในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับประโยชน์ของประชาชน อีกทั้งนายเชาว์ ก็ไม่มีคุณค่าพอที่จะต้องออกมาตอบโต้ แต่การชี้แจงในครั้งนี้ตนต้องการทำให้สังคมได้ประจักษ์ถึงข้อเท็จจริง จึงขอพูดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายกับนายเชาว์ 

โดยนายธนา ได้เปิดเผยว่า  นายเชาว์ ต่างหากที่เป็นคนปั้นน้ำเป็นตัว สร้างสถานการณ์เพียงเพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์ทุกครั้งที่ผ่านมา การที่นายเชาว์โพสต์ว่าเสนอตัวลง สส. ห้วยขวาง และชนกับตนนั้น ต้องเรียนให้นายเชาว์ได้กลับไปดูตัวเองให้ดีก่อนว่า ในวันที่เสนอตัวลงสมัคร สส.แข่งกับตนนั้น ตนเป็นอดีต สก. ห้วยขวาง ดินแดง 4 สมัย เป็นอดีตประธานสภากรุงเทพมหานคร 1 สมัย เป็นอดีต สส. ดินแดง ห้วยขวาง วังทองหลาง ลาดพร้าว 1 สมัย และเป็นอดีต สส. ดินแดง พญาไท 1 สมัย และเป็น กรรมการบริหารพรรค ซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่พิจารณาส่งบุคคลลงสมัคร สส. ของพรรคด้วย ขณะที่นายเชาว์ในตอนนั้นไม่ใช่คู่แข่ง ตนในการลงสมัคร สส. ตนได้ลงสมัคร สส. อยู่แล้ว เพราะนายเชาว์ ไม่ได้มีประวัติการทำงานกับพรรค อย่างที่นายเชาว์ สำคัญตัวเองผิดเลย

นายธนาได้เพิ่มเติมต่อไปว่า นายเชาว์ ไปวิ่งหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น ซึ่งนายอภิสิทธิ์เองก็เป็นคนดี และมีความพยายามให้ทุกคนมาทำงานในพรรคร่วมกันให้ได้ ซึ่งตนก็เห็นด้วย จึงได้เรียนกับหัวหน้าอภิสิทธิ์ไปว่า ตนจะแต่งตั้งนายเชาว์ เป็นรองโฆษกพรรค เพื่อให้มีที่ยืนในพรรค ซึ่งนายเชาว์เองก็ชอบในจุดยืนที่สามารถติดต่อกับสื่อมวลชนได้อยู่แล้ว นั่นคือครั้งแรกที่นายเชาว์ ต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง และทำสำเร็จ 

“ในครั้งที่ 2 นายเชาว์ สร้างราคาตัวเองจนลืมความเป็นจริง มีการเลือกตั้งตัวแทนสาขาประจำกรุงเทพมหานครในพื้นที่เขตห้วยขวาง นายเชาว์ มาขอกับผมว่าจะขอเป็นตัวแทน เพื่อจะได้มีสิทธิ์เสนอชื่อ สส. ซึ่งก็หมายถึงจะเสนอชื่อตัวเองลงสมัคร และผมก็บอกกับนายเชาว์ว่า ผมยอมไม่ได้ หากนายเชาว์อยากลงก็ให้มาลงสมัครแข่งกัน ตอนนั้นผมเองก็มีบุคคลที่สนับสนุนให้เป็นตัวแทนสาขาแล้ว ซึ่งนายเชาว์ ก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้นก็ต้องลงแข่งกัน ผมก็บอกว่ายินดี เพราะในทางการเมืองเรื่องการแข่งขันเป็นเรื่องปกติ

และเมื่อถึงวันเลือกตั้ง นายเชาว์มาในที่ประชุมแบบหัวเดียวกระเทียมลีบ โดยไม่มีคนมาสนับสนุนนายเชาว์เลยแม้แต่คนเดียว เมื่อรู้ว่าตัวเองจะลงเลือกตั้งสู้ทีมของผมไม่ได้ จึงได้เดินเข้ามาหาผมเพื่อขอให้เขาได้เป็นผู้เสนอชื่อคนที่ผมสนับสนุนให้เป็นตัวแทนสาขาจะได้หรือไม่ เพื่อเป็นการรักษาหน้าเขา ซึ่งผมก็อนุญาตให้เขาเป็นคนเสนอชื่อให้ สิ่งนี้ผมถือว่าผมได้แสดงความเป็นสุภาพบุรุษของผมต่อนายเชาว์ และไม่อยากให้เขาเสียหน้า” นายธนา กล่าว 

พร้อมกับเพิ่มเติมว่า หลังจากนั้นในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา นายเชาว์ เสนอตัวลงเลือกตั้ง สส. อีกครั้ง แต่พรรคไม่ได้พิจารณาให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งนายเชาว์ เข้าใจว่าคนที่ไม่ให้นายเชาว์ลงสมัคร คือ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคในขณะนั้น เป็นเหตุให้นายเชาว์ เจ็บแค้นใจ อาฆาต นับตั้งแต่นั้นมา 

“ขอให้ย้อนกลับไปดูคำให้สัมภาษณ์ของนายเชาว์ ซึ่งเป็นคำสัมภาษณ์ที่มีอคติ ให้ร้าย ด้อยค่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อนมาโดยตลอดจนถึงวันนี้ และทำให้ผมต้องออกมาชี้แจงรายละเอียดทั้งหมด เพื่อให้สังคมได้รับรู้ที่มาที่ไป และข้อเท็จจริงทั้งหมด ถ้าอยากรู้ว่าพฤติกรรมของคนอย่างนายเชาว์ เป็นแบบไหน ก็ให้ไปถามอดีต สส. พรรคประชาธิปัตย์ เขตห้วยขวาง คนก่อนผม ซึ่งภายหลังได้มีโอกาสเป็นรัฐมนตรี ไปถามดูได้เลยครับว่า นายเชาว์ เป็นคนอย่างไร ซึ่งผมจะไม่ขอพูดถึงคนอย่างนายเชาว์อีก เพราะนอกจากจะเป็นเสนียดกับตัวเองแล้ว ยังเป็นเรื่องที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อสังคม และพรรคประชาธิปัตย์ แต่ถ้านายเชาว์ ยังด้อยค่า ให้ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ และหัวหน้าพรรค ก็ต้องเจอกับผมแน่นอน” นายธนา กล่าวในที่สุด