วันที่ 3 เม.ย.2567 ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.10 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประธานในที่ประชุม  เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 152  นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่าการที่รัฐบาลพยายามสร้างกระแสว่าอภิปรายไปทำไม เพราะยังไม่ใช้งบประมาณนั้น ตนขอเรียกว่าตีหน้าซื่อกลางแดด เนื่องจากรัฐบาลสามารถใช้งบปี 2567ไปพลางก่อนได้ตามกฎหมาย โดยขณะนี้รัฐบาลใช้เงินไปแล้ว 1.524 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83 เปอร์เซ็นต์

ดังนั้น การที่บอกว่ายังไม่ใช้งบถือเป็นการแลบลิ้นปลิ้นตา คำถามคือทำไม 7 เดือนรัฐบาลใช้เงินไปจำนวนมาก แต่ยังสอบตก คำตอบมี 2 ข้อ หนึ่ง เพราะรัฐบาลมัวแต่ใช้การตลาดนำการบริหาร เอาแต่สร้างภาพ หลังภาพทุกวงการลงมติเกือบเอกฉันท์ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน วันๆเอาแต่อีเว้นท์ เช้าอีเว้นท์ สายอีเว้นท์ เที่ยงอีเว้นท์ เย็นอีเว้นท์ ดึกๆยังอีเว้น จนกระทั่งคนไทยสำลักอีเว้นท์

 

นายจุรินทร์  กล่าวว่า 6 เดือนบินไปบินมา ไปอยู่เมื่อนอก 52 วัน มีคนแซวว่าไปทำการตลาด หรือทำการตลก ก่อนขึ้นเครื่องบินบอกเศรษฐกิจไทยกำลังวิกฤต แต่พอลงเครื่องไปเที่ยวเชิญเขามาลงทุน มหาเศรษฐีโลกที่ไหนที่จะป่วยถึงขั้นเอาเงินแสนล้านมาลงทุนในประเทศที่มีเศรษฐกิจวิกฤต แต่ถ้าเขาจะมาแสดงว่าเขาไม่ได้เชื่อมั่นในนายกฯ แต่เชื่อมั่นในความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทยที่สั่งสมมานาน นายกฯทำตัวเป็นเซลล์แมน ถามว่าปิดการขายได้บ้างหรือไม่ หรือได้เพียงสัญญาจะซื้อจะขาย ดอกไม้ สายลม แสงแดด กลับถึงประเทศคนรู้ทันถึงบอกว่าเอาฝันมาฝาก

“อยากบอกว่าคนไทยอยากได้ของจริงมากกว่าการตลาด อะไรที่ยังไม่ใช่ ยังไม่ต้องตีปี๊บก็ได้ มันเสียเหลี่ยม และคนไทยก็ไม่ได้กินแกลบ พูดอะไรที่ยังไม่ใช่เขาจับได้ คนไทยอยากเห็นนายกฯของเขาบินเหมือนเหยี่ยวมากกว่าแมลงวัน ที่บินทั้งวันแต่ไม่ได้อะไร นอกจากได้สร้างภาพว่าบินโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่เหยี่ยวบินทีไรไม่พลาดเป้า เพราะเหยี่ยวไม่ทำการตลาด ดังนั้น 7 เดือนรัฐบาลจึงมีปัญหาทุกมิติ ปัญหาที่หนึ่งตราบใดที่รัฐบาลนี้ไม่ก้าวข้ามคนชอบอวดบารมี

รัฐบาลนี้จะมีปัญหาทางการเมืองตลอดไป และขอความกรุณาคนในรัฐบาลอย่าโทษคนอื่น ว่าทำไมก้าวไม่พ้นบุคคลคนนี้เสียที เรียนว่าคนแรกที่ก้าวไม่พ้นคือนายกฯ นายกฯลงทุนนั่งรถไปสโลซบถึงบ้าน แถมออกมาให้สัมภาษณ์ยินดีเปิดโอกาสให้รัฐมนตรีไปเยี่ยมคารวะ ถามว่าแบบนี้ก้าวข้ามหรือไม่” นายจุรินทร์ ระบุ

 

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ปัญหาที่สอง คือปัญหานายกฯหลายคน สะท้อนความไม่เชื่อมั่น สะท้อนการด้อยค่านายกฯตามรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดความเข้าใจว่านายกฯไม่ได้มีคนเดียว ปัญหาที่สาม คือปัญหาที่มีรัฐมนตรีไร้ประสิทธิภาพ มีรัฐมนตรีโลกเซ็งอย่างน้อยก็รมว.คลัง จ้องแต่จะแยกเขี้ยวใส่ผู้ว่าฯแบงค์ชาติ แต่งานในหน้าที่ทำไม่ได้ รายได้ 4 เดือนต่ำกว่าเป้า กองทุนวินาศภัย ติดลบ5หมื่นกว่าล้าน ยังไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร แล้วจะคุ้มครองผู้ประกันภัยอย่างไร ปัญหาที่สี่ ปัญหาเศรษฐกิจมหภาค จีดีพีโตต่ำกว่าเป้าหมายเดิม ปัญหาที่ห้า ปัญหาดิจิตัลวอลเล็ต คนไทยเลิกเชื่อเบื่อทวง เพราะเจอลูกหนี้ประเภทไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ปัญหาที่หก ค่าแรงขั้นต่ำ400บาทกลายพันธุ์ จากกำหนดไว้ทั่วประเทศ เหลือเพียง 10 จังหวัดเป็นหย่อมๆ ไม่ได้ตกทั่วฟ้า ถามว่าอีก 67 จังหวัดไม่ตกสักเม็ดเดียว ทำให้คนรู้สึกว่าไม่ตรงปก และปัญหาที่เจ็ด ปัญหาพืชผลการเกษตร ปาล์ม ข้าวโพดไม่ดีขึ้น ราคาทรงๆ ส่วนราคายางที่สูงขึ้นนั้น ไม่อยากให้รัฐบาลเข้าใจเพียงแค่ว่าราคาขึ้นเพราะปราบยางเถื่อนเพียงอย่างเดียว ถ้าเป็นเช่นนั้นราคาขึ้นนานแล้วเพราะรัฐบาลที่แล้วก็ปราบ สาเหตุที่ราคาขึ้นมีปัจจัยอย่างน้อย 3 ข้อ 1.ปี 2567 ผลผลิตน้อยกว่าความต้องการใช้ ประกอบกับราคาขึ้นทั้งโลก ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย 2.กฎกติกาใหม่ของอียูดีอาร์ ห้าม 27ประเทศนำเข้ายางที่มาจากพื้นที่ตัดไม้ทำลายป่า และจะบังคับใช้ในเดือนธ.ค.67 ส่งผลให้ประเทศต่างๆเก็บยางเข้าสต๊อก เพราะเมื่อกติกาใหม่บังคับใช้ จะนำเข้ายางจากบางประเทศไม่ได้ และ 3.วันนี้ยางผลัดใบ ไม่มียาง มีก็น้อย ราคายางจึงยิ่งขึ้น

นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดที่รัฐบาลต้องแก้ เพราะสร้างความเสื่อมให้รัฐบาลมากที่สุด เซาะกร่อนบ่อนทำลายรัฐบาลนี้มากที่สุด นั่นคือการสร้างยุติธรรมสองมาตรฐาน เป็นผลงานชิ้นเดียวที่รัฐบาลทำเร็วที่สุด สำเร็จเป็นรูปธรรมจับต้องได้มากที่สุด และตรงนี้เป็นคำตอบว่ารัฐบาลนี้เพื่อใคร นั่นคือการสร้างนักโทษพันธุ์ใหม่ ที่แม้แต่เทวดายังต้องยอมให้ใช้ชื่อ นับตั้งแต่คุกทิพย์ ปลอกคอทิพย์ เลี้ยงหลานทิพย์ สำนึกทิพย์ ไปจนกระทั่งได้คืบเอาศอก ได้ศอกเอาวา เชื่อว่าคนไทยเข้าใจเรื่องบุญคุณต้องทดแทน แต่ตอบแทนส่วนตัว ไม่ใช่เอาบ้านเมืองไปตอบแทน คนหนึ่งได้อำนาจ อีกคนได้อภิสิทธิ์จากการใช้อำนาจ อาจเป็นความยุติธรรมของสองคน แต่ไม่ยุติธรรมกับประเทศ และหลักนิติธรรมของประเทศที่สั่งสมมา นายกฯพยายามบอกทุกอย่างเป็นตามกฎหมาย หันไปทำการเกษตร เอาหูไปนา เอาตาไปไร่

“คนไทยไม่อยากเห็นรัฐบาลนี้ก่อกรรมเพิ่ม ในฐานะเป็นสส. ขอใช้โอกาสตรงนี้ถามนายกฯ3ข้อ มีนโยบายจะปล่อยให้เกิดการนำคุกทิพย์โมเดลมาใช้ซ้ำสองหรือไม่ ระเบียบใหม่ที่กระทรวงยุติธรรมกำลังจะเข็น เรื่องคุณสมบติผู้มีสิทธิ์คุกขังนอกเรือนจำ ซึ่งมีประชุมไปแล้วครั้งหนึ่ง การกำหนดกฎระเบียบนี้นโยบายจากฝ่ายบริหารย่อมมีส่วนสำคัญ ถามว่าระเบียบนี้รวมคดีทุจริต คดีปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ มาตรา157 ให้ไปติดคุกที่บ้านได้ด้วยหรือไม่ ขอความกรุณาอย่าตอบว่าขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ เพราะนี่มันคือลิงหลอกเด็กและดูถูกประชาชน เพราะสุดท้ายอยู่ที่นโยบายของรัฐบาล” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ อภิปรายทิ้งท้ายว่า ถ้าเปิดโอกาสให้นักโทษคดีทุจริต และคดีม.157 เท่ากับรัฐบาลส่งเสริมการทุจริตมุมกลับ หลักนิติธรรมของไทยอาจต้องเผชิญวิกฤตอีกครั้งหนึ่ง เพราะเกิดจากนักโทษเทวดาตัวใหม่ และอยากถามด้วยถึงการนิรโทษกรรมที่เป็นดาบสองคม ถ้าใช้ถูกสร้างความปรองดองให้ประเทศ แต่ถ้าใช้ผิดทางก็จะสร้างความแตกแยกให้ประเทศครั้งใหม่ รัฐบาลนี้มีนโยบายนิรโทษกรรมคดีทุจริต และคดีม.157 หรือไม่  ที่ถามเพราะต้องการส่งสัญญาณไปยังนายกฯและพวกพ้องอย่าคิดได้คืบเอาศอก เคยมีคนพังเพราะไม่รู้จักพอมาแล้ว ถึงวันนี้มีผู้ไปยื่นร้องต่อองค์กรต่างๆเฉพาะกรณีนักโทษเทวดา รวม24 เรื่อง พูดมาทั้งหมดเพื่อเตือนนายกฯและรัฐบาลว่าสิ่งที่ได้ทำกับหลักนิติธรรม เป็นระเบิดเวลาที่ตั้งไว้ระเบิดใส่ตัวเองในอนาคต ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายบันดาลให้ทุกท่านดวงตาเห็นธรรมโดยทั่วกันด้วยเถิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการอภิปรายที่มีการพูดถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีสส.เพื่อไทย ได้แก่ นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม และน.ส.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ ลุกขึ้นประท้วงประธานการประชุม ให้ควบคุมการประชุมอย่าปล่อยให้นายจุรินทร์พูดถึงบุคคลที่สาม