“สมคิด” ปัดตั้งองครักษ์ช่วยรัฐบาล เชื่อรมต.ชี้แจงศึกซักฟอกฉลุย ขอ “ฝ่ายค้าน” อย่าอภิปรายนอกประเด็น ย้ำ “ปชช.” จับตาดูอยู่ เตือนห้ามแตะ”ทักษิณ” บอกไม่เกิดประโยชน์ “วิสุทธิ์”เผย "พท." ยื่นญัตติให้ “ปธ.รัฐสภา” ส่งศาลรธน.ตีความแก้รธน. แล้ว รอบรรจุวันประชุมร่วมรัฐสภา “ปธ.รัฐสภา” มั่นใจ สภาไม่ล่ม เตรียมนัด “วิป 3 ฝ่าย” หารือปม “พท.” ยื่นญัตติให้ศาลรธน. ตีความรัฐสภามีอำนาจแก้ รธน.โดยไม่ต้องทำประชามติหรือไม่ ขณะที่ จ่อเชือดดาบสอง “ปูอัด” ประธานสภาฯจ่อชงเข้า “กก.จริยธรรม” สอบต่อ
เมื่อวันที่ 19 ก.พ.68 นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นเพื่อตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร ว่า รัฐบาลไม่ได้มีความกังวลรวมทั้งถือเป็นโอกาสที่ดีที่รัฐบาลจะได้ชี้แจงการทำงานที่ผ่านมาให้ประชาชนรับทราบ จากการพูดคุยกับรัฐมนตรีที่คาดว่าจะถูกอภิปรายในครั้งนี้ ทุกท่านพร้อมที่จะชี้แจงให้กับข้อกังวลของฝ่ายค้านอย่างแน่นอน ขอให้พรรคฝ่ายค้านอภิปรายอยู่ในกรอบตามญัตติที่เสนอมา อย่าอภิปรายออกนอกกรอบหรืออภิปรายนอกประเด็น เพราะจะเกิดการประท้วงเสียเวลาสภาเปล่าๆ หากมีการอภิปรายถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลที่ 3 มันทำไม่ได้และไม่เกิดประโยชน์กับประชาชนและอาจจะก่อให้เกิดปัญหา รวมทั้งหากเกิดขึ้นจริงสส.ที่รักนายทักษิณ คงไม่ยอมมีการประท้วงแน่ ซึ่งประธานสภาต้องควบคุมการอภิปรายให้อยู่ในกรอบของญัตติที่เสนอมา
“พรรคเพื่อไทยคงไม่มีการตั้งองครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรี เพราะเชื่อมั่นในการทำงานที่ผ่านมาและมั่นใจว่ารัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายสามารถชี้แจงได้ ส่วนจะเชื่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่แต่ละฝ่ายที่นำอภิปรายไม่น่ามีปัญหาอะไร การอภิปรายครั้งนี้เชื่อว่าประชาชนจับตาดูอยู่ หากฝ่ายค้านอภิปรายนอกกรอบประชาชนก็จะเห็นเองหรือรัฐมนตรีชี้แจงไม่เคลียร์ประชาชนก็จะตัดสินเองในที่สุด ดังนั้นหากฝ่ายค้านอภิปรายในญัตติตามกรอบตามกติกาเชื่อว่าไม่น่าจะมีความวุ่นวายในสภาอย่างแน่นอน” นายสมคิด กล่าว
ด้าน นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยได้ยื่นญัตติขอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่ และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ต่อประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และเพิ่มเติมหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะทำได้ก่อนการออกเสียงประชามติว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่ ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ผ่านระบบสารบัญของสภาฯแล้ว ส่วนจะได้นำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาช่วงใด ต้องรอการหารือกับประธานรัฐสภา ในช่วงบ่ายวันนี้ (19 ก.พ.) อีกครั้ง อย่างไรก็ตามในเร็วๆนี้จะมีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอให้รัฐสภาพิจารณาอนุมัติ ประมาณ 4-5 เรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องด่วนที่รัฐสภาต้องอนุมัติให้แล้วเสร็จก่อน 9 มี.ค. ดังนั้นหากจะนำประเด็นแก้รัฐธรรมนูญรวมถึงญัตติที่เสนอขึ้นมาพิจารณานั้นอาจต้องต่อท้ายเรื่องด่วนดังกล่าว
“ผมเข้าใจว่าประเด็นที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญอาจจะไม่ทันในการประชุมรัฐสภาที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เพราะมีเรื่องด่วนที่สำคัญต้องพิจารณาหลายเรื่อง ดังนั้นอาจจำเป็นต้องรอการพิจารณาในรอบถัดไป แต่จะเป็นเมื่อใดนั้นต้องรอให้ประธานรัฐสภาพิจารณาบรรจุวาระอีกครั้ง” นายวิสุทธิ์ กล่าว
ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาฯให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะยื่นญัตติเพื่อให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ารัฐสภามีอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ต้องทำประชามติได้หรือไม่ จะมีการประชุมวิป 3 ฝ่ายเมื่อไหร่ ว่า ถ้าได้รับญัตติมาเมื่อไหร่ ก็จะต้องเชิญวิปทั้ง 3 ฝ่ายค้าน รวมทั้งผู้แทนของคณะรัฐมนตรี (ครม.)มาหารือกันว่าจะประชุมรัฐสภาเมื่อไหร่ และจะมีญัตติอะไรที่จะพิจารณาก่อนหลังตามลำดับ เพื่อความเรียบร้อยของการประชุม เพราะเรามีสมาชิกถึง 700 คน จึงจำเป็นต้องหาข้อยุติบางส่วนล่วงหน้า เพื่อความเรียบร้อยและไม่เกิดความสับสน ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุมในเร็วๆนี้
เมื่อถามว่าจะมีการวางกรอบแนวทางการประชุมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาองค์ประชุมล่มอย่างไร นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า โดยปกติก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะวิปทั้ง 3 ฝ่ายและผู้แทนครม.ได้หารือกันแล้ว เมื่อได้ข้อยุติอย่างไรวิปก็จะนำไปแจ้งต่อสมาชิกของแต่ละฝ่ายทราบ ตนคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร การประชุมคงจะเกิดความเรียบร้อย
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ยังกล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมตรวจสอบคลิปของตน และนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คนใหม่ ว่า ต่างคนต่างทำหน้าที่ และตนได้ชี้แจงไปแล้วไม่มีปัญหาอะไร ก็ทำได้ตามสิทธิ์ของแต่ละฝ่าย
นอกจากนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ได้กล่าวถึงกรณีการขอตัวนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม.พรรคไทยก้าวหน้า ไปดำเนินคดี ว่า ในการประชุมสภาฯวันที่ 20 ก.พ.68 จะไม่มีอยู่ในวาระแล้ว เนื่องจากเลขาธิการสภาฯแจ้งว่าทาง สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้แจ้งมาว่านายไชยามพวาน ไปมอบตัวแล้ว และมีการดำเนินคดี มีการประกันตัวตามกฎหมายแล้ว เพราะฉะนั้นในภาระหน้าที่ในการจับกุมตัวจึงไม่มีแล้ว
เมื่อถามถึงกรณีสส.หญิงพรรคเพื่อไทย ยื่นให้สอบจริยธรรมนายไชยามพวาน จะเริ่มขึ้นได้เมื่อไร ประธานสภาฯ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่จะเข้าไปสู่คณะกรรมการจริยธรรมของสภาฯ ซึ่งจะมีการประชุมต่อไป ส่วนเรื่องของนายไชยามพวาน ที่มีการยื่นเข้ามาตั้งแต่สมัยที่แล้วที่มีคดีในครั้งแรกนั้น ตนไม่แน่ใจต้องไปตรวจสอบเรื่องที่ร้องก่อน เพราะขณะนี้เรื่องที่ร้องเข้าสู่คณะกรรมการจริยธรรมมีประมาณ 10 กว่าเรื่อง เนื่องจากคณะกรรมการจริยธรรมยังจัดตั้งไม่เรียบร้อย แต่ขณะนี้ตั้งเรียบร้อยแล้ว คงจะมีการประชุมต่อไป
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาฯ เปิดเผยว่า วันนี้กมธ.ที่ดินฯ จะนำเรื่องที่ดินทับซ้อนในพื้นที่นิคมลำตะคอง ซึ่งรวมไปถึงที่ดินของครอบครัวนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าสู่ที่ประชุม เพื่อขอมติที่ประชุมว่าจะเดินหน้าตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่ามีพื้นที่ทับซ้อน ทำให้การออกโฉนดที่ดินล่าช้า และมีประชาชนร้องเรียนมาตั้งแต่ปี 2567 ซึ่งตนได้ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ มา 3-4 เดือนแล้ว และล่าสุดได้รับเอกสารมาครบเรียบร้อยแล้ว จึงคิดว่าน่าจะนำของมติที่ประชุมเดินหน้าเป็นวาระใหญ่ของที่ประชุมได้หรือไม่
เมื่อถามว่า มองประเด็นเรื่องพื้นที่ครอบครัวของนายอนุทินอย่างไร นายพูนศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้มองเรื่องนี้เป็นประเด็นการเมือง แต่มองเป็นเรื่องของข้อกฎหมายมากกว่า และต้องการที่จะหาวิธีแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน เพราะตอนนี้มีภาคประชาชน ประมาณ 800 แปลง ร้องเข้ามาว่าไม่ได้มีการพิสูจน์เรื่องของการทับซ้อน และออกเอกสารสิทธิ์ให้ ซึ่งเราต้องยกมาตรวจสอบทั้งหมดไม่ใช่แค่แปลงใดแปลงหนึ่ง แต่ก็ยอมรับว่าแปลงของครอบครัวนายอนุทิน ก็ต้องได้รับการตรวจสอบด้วย โดยจะต้องไปดูวัตถุประสงค์ของการใช้ที่ดินนิคมสร้างตนเองว่ากำหนดให้ทำอะไร และยอมรับว่า เมื่อครอบครองครบ 5 ปีแล้วสามารถขอออกเป็นโฉนดได้ แต่ก็ต้องดูด้วยว่าเมื่อออกเป็นโฉนดแล้วเปลี่ยนวัตถุประสงค์การใช้งาน สามารถทำได้หรือไม่
“ยังเป็นคำถามของ กมธ.อยู่ จึงคิดว่าเป็นหนึ่งที่ต้องตรวจสอบ ผมได้พูดคุยกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) อยากจะขอให้เป็นตัวกลาง เพื่อแก้ไขปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทั้งหมด และจากที่ทราบตอนนี้สคทช. ก็กำลังตรวจสอบในพื้นที่ลำตะคองอยู่”นายพูนศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่ากรณีนี้มีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยจะทำให้เข้าเคลียร์ที่ดินทับซ้อนยากขึ้นหรือไม่ นายพูนศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ยาก เพียงแค่หน่วยงานรัฐ ทำงานตรงไปตรงมา และสคทช. ก็ต้องเคลียร์เรื่องวันแมพให้ได้ เชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทั้งประเทศได้อย่างยั่งยืน ไม่มีปัญหาซ้ำ
“ต้องช่วยกันแก้ทีละเส้น ต้องใช้เวลา ทางกมธ.จะช่วยตรวจสอบถึงแม้จะเป็นที่ดินของนักการเมือง หรือของใครก็ตามเรายินดีที่จะเข้าไปร่วมในการตรวจสอบ ตอนนี้ผู้ที่ถือครองที่ดินอาจจะมีโฉนด เพราะถือครองครบ 5 ปีแล้วออกโฉนดได้ และอาจจะเปลี่ยนมือที่ 2 3 หรือ 4 ทำให้เจ้าของปัจจุบันถือโฉนดอย่างถูกต้อง แต่ก็ต้องกลับไปดูวัตถุประสงค์ของนิคมสร้างตนเองด้วยว่าเขาให้ทำอะไร และต้องเป็นไปตามที่เคยประกาศไว้ตั้งแต่ต้นหรือไม่ ทางกมธ.กำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่”นายพูนศักดิ์ กล่าว