"กิตติ์รัฐ" กำชับ ตำรวจ สอท.นำเครื่องมือทันสมัยปราบเว็บพนันออนไลน์ ลั่นใครผิดไม่เอาไว้ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงาน ส่วนคดี "บิ๊กโจ๊ก" ให้ฝ่ายกฎหมายดูก่อนเสนอกลับส่ง ป.ป.ช. ชี้การออกหมายจับ แล้วแต่ศาลจะพิจารณา 

วันที่ 2 เม.ย.67 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รักษาการ ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำชับให้พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ดำเนินการปราบปรามแก๊งพนันออนไลน์ Call Center Fake News รายใหญ่ โดยขีดเส้นให้มีผลเป็นรูปธรรมภายใน 30 วัน ได้มีการกำชับอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ว่า ตนได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย.ผบ.ตร.) ในฐานะ ผอ.ศูนย์ เร่งรัดข้อสั่งการตามที่นายกรัฐมนตรีได้กำชับเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปประธรรมตามกำหนดที่นายกัฐมนตรีกำหนดไว้ พร้อมให้กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีนำเครื่องมือทันสมัย ที่สามารถตรวจสอบเรื่องเว็บไซต์มาใช้เพื่อให้เกิดการจับกุมที่จริงจัง พร้อมยืนยันว่าหากพบใครที่เกี่ยวข้องตนรับรองว่าไม่เอาไว้

เมื่อถามว่าหากครบ 30 วันยังไม่มีความชัดเจนจะมีการคาดโทษเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ต้องให้เวลาผู้ปฏิบัติงานเพราะนายกพูดว่าผลงานจะเป็นเครื่องพิสูจน์คนฉะนั้นขอให้ดูกันไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าตำรวจหนักใจหรือไม่หากต้องมีการออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เพราะถือเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เขากำลังดำเนินการตามกฎหมายอยู่ขอให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสืบสวนสอบสวนซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่

เมื่อถามย้ำว่า การออกหมายจับสามารถทำได้หรือไม่หาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไม่มาพบกับพนักงานสอบสวน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ก็ต้องทำเรื่องเสนอไปยังศาล แล้วแต่ศาลจะพิจารณาไปทางใด ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการ

ส่วนกรณีที่ทนายของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้ส่งพยานหลักฐานมาให้กับรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้วนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่มีการร้องเรียนเมื่อวันที่ 25 มี.ค.โดยจะนำเรื่องไปรวมและขณะนี้ตนให้ฝ่ายกฎหมายของ สตชพิจารณาอยู่ โดยกระบวนการพิจารณาเพื่อให้เกิดความความรอบคอบ ก็ต้องให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบพิจารณาและเสนอแนะขึ้นมา

เมื่อถามว่าทางตำรวจจะพิจารณาเองหรือส่งเรื่องให้กับทาง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช ) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวขอให้ฝ่ายกฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติดู ในรายละเอียดข้อเท็จจริงทางกฎหมาย และเสนอกลับมาให้ตนพิจารณาเรื่องนี้อยู่ที่พนักงานสอบสวนสืบสวนแต่ถึงอย่างไรตอนนี้อำนาจหน้าที่อยู่ที่พนักงานสืบสวนสอบสวน ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ฉะนั้นขอเวลาเขาให้ดำเนินการไปตามกระบวนการ แต่หากเป็นกฎหมายของ ป.ป.ช. มีเวลา 30 วันซึ่งทันอยู่แล้ว