วันที่ 2 เม.ย.2567 เมื่อเวลา 08.55 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการรับมือการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 โดยเฉพาะเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่จะมีการหยิบยกกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาอภิปรายด้วยว่า การอภิปรายของ สส.ตามมาตรา 152 มันคือกระทู้ใหญ่ ซึ่งเป็นประโยชน์กับรัฐบาล เพราะไม่ได้มีการลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจ ที่สำคัญมีเวลาให้ฝ่ายรัฐบาลตอบคำถามได้มาก รัฐบาลเพิ่งมาบริหารประเทศได้ 6 เดือน บางอย่างอาจมองไม่รอบด้าน หรือมีอะไรซุกไว้ใต้พรม เป็นเรื่องดีที่กระทรวงยุติธรรมจะได้เข้าไปตรวจสอบ อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีได้ประกาศสร้างความเข้มแข็งของหลักนิติธรรมให้มีประสิทธิภาพโปร่งใส เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ บางอย่างอาจจะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน หรือที่เป็นความคาดหวังของประชาชน หลังจากนี้รัฐบาลต้องมาสื่อสารสร้างความเข้าใจที่ดีต่อสังคมให้มีความมั่นใจ ซึ่งไม่มีความหนักใจอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลมีการตั้งทีม สส.มาคอยช่วยหรือไม่ เพราะต้องเกิดการประท้วงแน่นอน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ในความเป็นจริงควรจะปล่อยให้รัฐมนตรีตอบ เพียงแต่ว่าถ้ามีการพาดพิงแล้วผิดข้อบังคับก็ควรจะเป็นสิทธิ์ สส. แต่ถ้าเป็นการถาม ควรจะรอให้รัฐมนตรีตอบ อย่างกระทรวงยุติธรรมหรือกระทรวงอื่น เท่าที่ทราบเขาพร้อมจะชี้แจง
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านยืนยันชัดเจนจะต้องเอ่ยชื่อนายทักษิณ ในขณะที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรบอกไม่ให้เอ่ยชื่อ จะเกิดความวุ่นวายแน่นอน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ยังไม่ได้ยินคำพูดนี้ แต่มันมีข้อบังคับอยู่แล้ว ถ้าเอ่ยก็ควรเอ่ย เรารู้ว่าเจตนาเป็นอย่างไร ขณะนี้ฝ่ายค้าน รัฐบาล รวมถึงทุกฝ่ายก็พัฒนาไปเยอะ ส่วนประธานสภาฯ เป็นประธานมาหลายสมัยแล้ว ท่านคงรักษาการประชุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่า การอภิปราย 2 วัน คนที่จะได้ประโยชน์สูงสุดคือ ประชาชน ซึ่งประชาชนตื่นรู้ว่าความเป็นรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนไม่ได้อยู่รับใช้รัฐบาล แต่รัฐบาลต่างหากที่ต้องรับใช้ประชาชน
เมื่อถามย้ำว่า เป็นห่วงหรือไม่ ที่ฝ่ายค้านหยิบเรื่องความเชื่อถือของประชาชนที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมที่เสื่อมถอยลงไป พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ไม่เป็นห่วง เพราะความจริงคืออะไรคืออย่างนั้น วันนี้เรากำลังจะแก้ไข อย่างเช่น รัฐบาลมีความจริงใจที่จะแก้ เพราะที่ผ่านมาเรามีกระบวนการยุติธรรมย่อยเยอะ ตอนนี้ทางกระทรวงก็ใช้พระราชบัญญัติพัฒนาและบริหารงานยุติธรรม ที่มีองค์กรต่างๆ ได้มาคุยกัน เพราะกระบวนการยุติธรรมควรมีเป้าประสงค์เดียว คือ เพื่อความยุติธรรมของประชาชน บางทีกระบวนการยุติธรรมก็อยู่เป็นสัดส่วนที่ต่างคนต่างอยู่ จึงต้องทำให้มีเป้าประสงค์เดียว เป็นสิ่งที่รัฐบาลพยายามอยู่
เมื่อถามว่า มีการกล่าวหาเรื่องของ 2 มาตรฐานในกระบวนการยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ขอยืนยันว่า เราต้องมีมาตรฐานเดียว คือ มาตรฐานตามกฏหมาย ถ้ากฎหมายไม่ดีก็ไปแก้กฎหมาย และในรัฐบาลนี้ยังไม่ได้แก้กฎหมายในกระบวนการยุติธรรมเลย ซึ่งกำลังพยายามจะแก้ไขอยู่ อะไรที่ประชาชนเสียโอกาส หรือเป็นการเลือกปฏิบัติจะแก้ให้มีมาตรฐานกฎหมาย จะต้องปกป้องคุ้มครองทุกคน แต่บางครั้งถ้าใครไปสั่งการเกินกฎหมาย นอกจากผิดกฎหมายแล้ว ผู้สั่งต้องถูกดำเนินคดี วันนี้เรามีกระบวนการยุติธรรมไทย เรื่องปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งเรามีศาลทุจริตที่แยกออกมาต่างหาก ก็พยายามสร้างให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้พบนายทักษิณบ้างหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ได้พบกับนายทักษิณที่งานศพบิดาของนายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แต่ไม่ได้คุยอะไร ซึ่งไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อน มาทราบเมื่อจะไปถึงงาน โดยกรมคุมประพฤติรายงานว่า นายทักษิณขออนุญาตออกนอกพื้นที่มา จ.ฉะเชิงเทรา
เมื่อถามว่า อาการป่วยของนายทักษิณที่เห็นอยู่ขณะนี้ มีพัฒนาการเหมือนคนปกติ ทั้งที่ก่อนหน้านี้กระทรวงยุติธรรมการันตีว่าป่วยหนัก พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตนไม่ได้ถามอาการนายทักษิณ วันนั้นเพียงแต่ไปนั่งอยู่ข้างหลัง ซึ่งในเรื่องการป่วยนั้น มาตรฐานของเราคือ ยอมรับความเห็นของแพทย์ทุกอย่าง อาการป่วยของนายทักษิณ ทุกคนใช้ความเห็นของแพทย์ ซึ่งไม่ใช่แพทย์คนเดียว แต่เป็นคณะแพทย์ ถ้าเราไม่ยอมรับกันเลย เรามีองค์กร เราเขียนกฎหมายให้องค์กรแล้ว แต่ถ้าในอนาคตเห็นว่าควรจะแก้ไขกฎหมายอย่างไร ซึ่งรัฐบาลก็เปิดกว้างที่จะรับฟังการแก้ไข