"อนุทิน" หนุน "เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์"  ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น บอกหากไม่ทำ ประเทศเพื่อนบ้านแซงหน้า ไทยจะเหลือแค่แก้บน กับไหว้เจ้า ด้าน"ชัยชนะ" ยังไม่หนุน กาสิโน จวกนายกฯผลักดันในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ "สุชัชวีร์" เตือนหลายประเทศปัญหาเพียบ นักพนันเกลื่อนเมือง

     เมื่อวันที่ 31มี.ค.67 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเห็นชอบรายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่องศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ ว่า ส่วนตัวเห็นว่า มาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าอยากทราบว่าความจำเป็นอย่างไร ก็ต้องลองไปเที่ยว อ. เชียงแสน จ.เชียงราย แล้วมองไปฝั่งตรงข้าม ฉะนั้นถ้าเราไม่ทำเลย ความเจริญก็ไปอยู่ฝั่งตรงกันข้าม ซึ่งไม่ใช่ประเทศของเรา ไม่ต้องไป จ.เชียงรายแล้วตอนนี้ คนจะไปฝั่งตรงกันข้าม เพราะประเทศเพื่อนบ้านมีสนามบินนานาชาติแล้ว ฉะนั้นถ้าเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ไปอยู่ฝั่งนั้นหมด เมืองไทยก็เหลือแค่ที่แก้บน ที่ไหว้เจ้าเท่านั้น เราจะเอาหรือไม่

     ผู้สื่อข่าวถามว่า คนไทยมีศาสนาพุทธจะทำให้ขัดกันหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องตีความให้ถูกว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่บ่อน เพราะเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ประกอบไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหารภัตตาคาร ส่วนที่เป็นคาสิโนหรือบ่อนตรงนั้นไม่ถูกเรียกว่าบ่อนการพนัน แต่ถ้าเป็นสิ่งถูกกฎหมายเรียกว่า คาสิโน โดยจะมีกฎระเบียบต่างๆ อาทิ เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีห้ามเข้า ซึ่งเรื่องเหล่านี้เราสามารถทำได้อยู่แล้วและตั้งกฎว่าคนที่มาเล่นจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ไม่เช่นนั้นก็หลอกตัวเองและเงินทองก็ไหลไปประเทศตรงกันข้ามหมดเงินบาทจะกลายเป็นเงินกีบเราจะไปอยู่ตรงนั้นหรือไม่

     เมื่อถามว่า ปัจจุบันยังมีการวิจารณ์โดยอ้างเรื่องศาสนา การมอมเมาประชาชน นายอนุทิน ตอบกลับทันทีว่า "แต่กินเหล้าได้ มีเธคได้ มีอาบอบนวดได้ หากถามผมก็ไม่รู้ แต่คิดว่าถนนตรงนั้นก็คืออีกซอยหนึ่ง ขณะเดียวกันเรื่องศาสนา ก็ต้องทำนุบำรุงไป"
     เมื่อถามว่า ดูเหมือนจะสนับสนุนแนวคิดนี้ นายอนุทิน ตอบกลับทันทีว่า "ไม่ได้ดูเหมือน ถ้ามาเราก็สนับสนุน เศรษฐกิจต้องมาก่อนในยุคสมัยนี้ จะให้ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ใช้ไม่ได้แล้ว เพราะต้องกินต้องใช้ ค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพต้องใช้ ฉะนัั้นเราต้องมีอาชีพเศรษฐกิจเกิดขึ้น แต่ต้องควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมาย ส่วนจะตั้งในจังหวัดไหน ต้อดูว่าใครจะกล้าลงทุนมากกว่า"

     ด้าน นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ได้ดูเนื้อหาแล้วเห็นว่าการสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ต้องใช้พื้นที่ 10,000 ตารางเมตร และต้องอยู่ห่างไกลจากสนามบินไม่เกิน 100 กิโลเมตร และต้องลงทุน 300,000 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ตนคิดว่ารัฐบาลควรศึกษาให้รอบคอบ นอกจากต้องไปศึกษาประเทศที่มีเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ แล้ว ฐานภาษี 10 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นหรือลดลง และปัญหาสังคมจะยับยั้งไว้อย่างไร
     นายชัยชนะ กล่าวว่า สิ่งที่คิดว่ารัฐบาลควรทำคือทำการละเล่นพื้นบ้านให้ถูกต้องก่อน เช่น วัวชน ไก่ชน ปลากัด หรือการเล่นไฮโล เล่นไพ่ในงานศพ วิธีการง่ายๆ คือ ถ้ามีงานศพก็ให้เจ้าภาพไปขออนุญาตที่อำเภอ แล้วคิดค่าธรรมเนียมนำเงินเข้าราชการวงละ 500 บาท เช่น 1 คืน 3 วง รวม 1,500 บาท แล้วถ้าเกินจากนี้ก็บังคับใช้กฎหมายจับอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงการละเล่นพื้นบ้านในภาคอีสาน เช่น การเล่นบั้งไฟ ลูกสะบ้า เกมยิงลูกแก้ว หนูนาพาโชค ถ้ารัฐบาลทำเรื่องนี้ให้ถูกต้อง และขออนุญาตจากกระทรวงมหาดไทยเป็นครั้งคราวตามประเพณี ตนคิดว่ารายได้จะเข้าสู่ประเทศมากขึ้น และหยุดส่วยมากยิ่งขึ้น

       "แต่ถ้าเราไปทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ต้องยอมรับว่าความจริงเกิดขึ้นได้หรือไม่ ต้องใช้เวลากี่ปี เพราะศึกษาเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2548 รวมถึงสภาชุดที่แล้วก็มีการศึกษากัน แต่ก็ไม่ได้ทำ สภาชุดนี้ก็ยังมาศึกษาอีก ดังนั้น ผมคิดว่าถ้าเราศึกษาเรื่องไหนที่เป็นไปไม่ได้ ก็ควรเอาเรื่องที่เป็นไปได้ก่อน"

     ส่วนที่รัฐบาลระบุจะมีการต่อยอดจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะใช้สนามบินอู่ตะเภา เพราะสะดวกในเรื่องพื้นที่การเดินทาง ซึ่งถือว่าเหมาะสมที่สุดนั้น นายชัยชนะ กล่าวว่า ที่ดินสามารถหาได้ แต่ขอถามว่าถ้าทำจริงๆ ต้องลงทุน 300,000 ล้านบาท จะหาบริษัทมาลงทุนได้หรือไม่ เพราะเรื่องฐานภาษีย้อนหลัง ทั้งประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ จะพบว่าฐานภาษีลดลง ไม่ได้เพิ่มขึ้น ถ้าเอารูปแบบต่างประเทศเข้ามา เราจะยับยั้งปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นได้หรือไม่
   
  หากเรานำการละเล่นพื้นบ้านมาทำให้ถูกต้องทั้งหมด อะไรที่อยู่ใต้ดินที่บอกว่าตำรวจยังเก็บส่วยมีผลประโยชน์อยู่ หรือหน่วยงานของรัฐมีผลประโยชน์ ต้องเอาของเหล่านี้มาอยู่บนดินให้ได้ รวมถึงหวยใต้ดิน เพราะหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าคนไทยไม่ได้เล่นหวยใต้ดิน เมื่อซื้อลอตเตอรี่ก็ต้องเล่นหวยใต้ดิน เอามาทำให้ถูกต้อง โดยสร้างแพลตฟอร์มเป็นของรัฐเองทั้งหมด เช่น แพลตฟอร์มลอตเตอรี่เพราะทุกวันนี้ขายผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ที่เหลือก็ยังซื้อตรง จึงเห็นว่าถ้าทำผ่านแพลตฟอร์มทั้งหมด ปัญหาก็จะหายไป รัฐบาลก็จะได้รายได้มากขึ้น

  สำหรับประเด็นการทำให้พนันถูกกฎหมาย จะทำให้มีนักพนันหน้าใหม่เพิ่มมากขึ้นนั้น นายชัยชนะ กล่าวว่า ตนถามข้อเท็จจริง โดยตนไม่ได้พูดเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ แล้วการละเล่นพื้นบ้านเราหลีกเลี่ยงได้หรือไม่ งานไหนบ้างไม่มีการเล่นบ้าง ต้องยอมรับว่าสังคมไทยมีอยู่จริง และปฏิเสธได้หรือไม่ว่าคนไทยทุกวันที่ 1 กับ 16 ไม่ซื้อหวยใต้ดิน แต่ถ้าเราเอาของแบบนี้มาอยู่บนดินแล้วทำให้ถูกต้อง รัฐก็จะมีรายได้มากขึ้น ดังนั้น ควรผลักดันสิ่งที่เป็นอยู่ให้ถูกต้อง เพราะหากเราสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ขึ้น ปัญหาสังคมที่จะตามมาใครจะยับยั้ง
      
 "ผมคิดว่ารัฐบาลต้องยอมรับว่าเป็นรัฐบาลทิพย์อยู่ตลอดเวลา เพราะผลักดันในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ นายกฯ ก็เป็นนายกฯ ทิพย์อยู่แบบนี้ เพราะท่านคิดฝันแล้วทำไม่ได้ นี่เป็นคุณสมบัติของท่านนายกฯ ศรีธนญชัย คือ คุณเศรษา ทวีสิน และที่นายกฯ แสดงความฟิตด้วยการชกมวยก็คงเครียด เมื่อเป็นนายกฯ ทิพย์แล้วทำอะไรไม่ได้ด้วย ที่ทำได้ที่สุดคือต่อยเป้ามวย ผมก็ดีใจด้วยที่นายกฯ ใช้วันพักผ่อนชกมวย ซึ่งยังชกลมอยู่ เพราะฉะนั้นการทำงานก็ยังทำงานลมอยู่"
    
 ทั้งนี้ จุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่เอาเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ใช่หรือไม่ นายชัยชนะ ตอบว่า จากการหารือกับ ส.ส.ในพรรค ซึ่งไม่ใช่มติพรรค เห็นด้วยกับการสนับสนุนการละเล่นพื้นบ้าน แต่เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ เรายังไม่สนับสนุน เพราะเรามองว่าเป็นไปไม่ได้ และถ้านายเศรษฐาไม่รู้จักการละเล่นพื้นบ้านที่ตนกล่าวมาแล้ว สามารถเชิญไปคุยเพื่อให้ข้อมูลได้
   
  ด้าน นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถ้าดูผลการศึกษาของประเทศต่างๆ ทั่วโลกในวันนี้ พบว่าหลายประเทศรู้สึกว่าทำผิดพลาดจากการที่เปิดให้มีกาสิโนเสรี แม้ประเทศนั้นจะมีกฎหมายที่เข้มแข็ง หรือมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด แต่เขาก็ยังพลาดได้ ตนรู้สึกเสียดายที่นายเศรษฐาพูดออกไปก่อนว่าจะต้องมีกาสิโนเสรี หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ เกิดขึ้นในไทย ทั้งที่ก่อนจะออกมาพูดเรื่องนี้ ควรมีการศึกษาให้รอบคอบอย่างละเอียด และรับฟังเสียงของประชาชนให้มากกว่านี้ เพราะประเทศไทยไม่ใช่ที่ลองผิดลองถูก แม้การลองผิดลองถูกในด้านอื่นนั้นก็พอรับได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องนี้สุดท้ายแล้วจะทำให้ลูกหลานของเราเสียคน และไม่มีอะไรที่จะนำกลับคืนมาได้ ดังนั้น การที่นายกรัฐมนตรีพูดสนับสนุนถือเป็นเรื่องอันตรายและน่ากลัวมากๆ
    
   "นายกณ ไม่ควรคิดในมุมมองของผู้บริหารธุรกิจ แต่ต้องคิดในฐานะเป็นตัวแทนของประชาชน และในฐานะของคนที่เป็นพ่อแม่ด้วย นอกจากนี้ มีหลายประเทศกังวลเรื่องกาสิโนเสรี เนื่องจากเรื่องของเงินนอกระบบและผลประโยชน์ที่แอบแฝงอีกจำนวนมาก สุดท้ายแล้วเรื่องนี้จะไม่ส่งผลทางเศรษฐกิจ และไม่ได้เป็นการการันตีว่าเมื่อมีกาสิโนเสรีแล้ว บ่อนพนันออนไลน์ผิดกฎหมายจะน้อยลง แต่อาจมากขึ้นเท่าทวีคูณ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก"
    
 ผู้สื่อข่าวถามต่อ ก่อนหน้านี้เคยมีนักวิชาการที่ทำการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องกาสิโนเสรีมานาน ระบุว่าจะสามารถนำเงินจากธุรกิจที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาบนดิน สร้างรายได้เข้ารัฐได้เป็นจำนวนมาก นายสุชัชวีร์ เผยว่า ขอให้ลองไปดูผลศึกษาที่ว่านั้นให้ดี และเป็นสิ่งที่เคยมีการศึกษามา 10-20 ปี แต่ตนอยากให้เปิดดูผลการศึกษาในวันนี้ ว่าประเทศที่ทำเรื่องกาสิโนเสรีเขาไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างนั้น และเขารู้สึกผิด แม้กระทั่งสิงคโปร์ก็ประสบปัญหาที่มีชาวสิงคโปร์ติดการพนัน ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศในทวีปยุโรป มีปัญหาอาชญากรรมและปัญหาในครอบครัวตามมาอีกจำนวนมาก ประเทศเหล่านี้คิดว่าถ้าเขาย้อนเวลากลับไปได้ก็ไม่อยากทำเรื่องกาสิโนเสรี
    
 นายสุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยไม่เหมือนกับสิงคโปร์ เพราะเรามีชายหาด มีสถานที่ท่องเที่ยว มีวัฒนธรรม ซึ่งจะเหมาะสมกับการโปรโมตกับนักท่องเที่ยว เราไม่ใช่แค่เกาะเหมือนกับสิงคโปร์ที่นำเรื่องการพนันมาสร้างรายได้เข้าประเทศ เพราะเขาไม่มีอะไรเหมือนกับประเทศไทย ในเมื่อเรามีอะไรดีอยู่แล้ว ทำไมเราไม่นำมาพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาคนที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า เรามีวัฒนธรรม มีทะเล มีสถานที่ท่องเที่ยวและอีกหลายอย่าง ที่ทำให้ดีและปลอดภัยได้อยู่แล้ว การอ้างว่าเรื่องบ่อนการพนันจะช่วยสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศ แต่ไม่สู้กับการลงทุนในสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว ซึ่งตรงนี้คุ้มค่ากว่า และปลอดภัยกว่าเยอะ