วันที่ 29 มี.ค.67 ที่ สภ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช พลตำรวจตรีสมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ได้ระดมพนักงานสอบสวนจาก สภ.ใกล้เคียงเข้าเป็นพนักงานสอบสวนในคดีการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชาวจีนรวม 51 ราย ไทยอีก 20 ราย ในการปฏิบัติการพร้อมกัน 4 จุดในอำเภอฉวาง และอำเภอนาบอน นครศรีธรรมราช ซึ่งพบว่าทั้ง 4 จุดเป็นแก๊งเดียวกัน โดยตำรวจ สอท. ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กสทช. และตำรวจสืบสวนกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ศาลาประชาคมอำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยการจับกุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งใหญ่สุดเท่าที่เคยจับกุมมาของประเทศไทย เจ้าหน้าที่เร่ง สอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดโดยเฉพาะชาวไทยที่อยู่ระหว่างขยายผล
ส่วนที่ศาลาประชาคมอำเภอฉวาง ถูกใช้เป็นพื้นที่รวบรวมของกลาง จำแนกออกเป็นคอมพิวเตอร์ 192 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 854 เครื่อง ราวเตอร์อินเตอร์เน็ต 22 เครื่อง แทปเล็ต 4 เครื่อง ซิมโทรศัพท์มือถือหลายร้อยชิ้น สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ หลายร้อยเล่มพร้อมบัตรเอทีเอ็มน่าเชื่อว่าเป็นบัญชีม้า และของกลางอื่นๆรวมกว่า 2 พันชิ้น ขณะที่พลตำรวจโทธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่จากทุกหน่วยงานที่เข้าปฏิบัติการ กสทช. กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ทยอยเดินทางเข้ามาตรวจสอบติดตามคดีอย่างเร่งด่วนเนื่องจากเป็นการปฏิบัติการครั้งใหญ่ที่สุด สามารถจับกุมชาวต่างชาติได้ถึง 51 รายรวมทั้งคนไทยอีก 20 รายในเครือข่ายเดียวกันและพร้อมกัน
พลตำรวจโทธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า การกระทำผิดเกี่ยวกับกิจกรรมออนไลน์โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีความผิดอย่างร้ายแรงอาจจะเข้าข่ายทั้งเรื่องของอาชญากรรมข้ามชาติเกี่ยวกับเรื่องของระเบียบกฎหมายของ สทช.การคมนาคมเรื่องระเบียบกฎหมายระเบียบโทรคมนาคมความผิดเกี่ยวกับเรื่องคอมพิวเตอร์ความผิดเกี่ยวกับเรื่องของคนเข้าเมืองรวมทั้งกฎหมายต่างๆ ซึ่งมีโทษค่อนข้างรุนแรง เพราะฉะนั้นขออนุญาตเตือนผ่านพี่น้องสื่อมวลชนคนไทยหรือคนต่างชาติเองที่ก่ออาชญากรรมในประเทศไทยทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือร่วมมือกับต่างชาติในการทำผิดบริเวณประเทศเพื่อนบ้านความผิดค่อนข้างรุนแรงไม่ใช่เรื่องที่จะมาทำกันแล้วจะรอดพ้นจากคุกกันได้ง่ายง่าย
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการได้ให้ข้อมูลว่า มีการสืบสวนบุคคลโดย ตม.พบว่ามีชาวจีนเข้ามาอยู่เกินวีซ่าก่อนที่จะมีฟรีวีซา รวมทั้งมีกลุ่มที่หลบหนีเข้าเมือง และกลุ่มที่เดินทางเข้ามาปกติแบบเข้าออก และการสืบสวนทางเทคโนโลยี พบความหนาแน่นของการใช้โทรศัพท์มือถืออย่างผิดปกติในจุดเดียว จึงมีการสืบสวนอย่างต่อเนื่องจนพบความเคลื่อนไหวของชาวต่างชาติกลุ่มชาวจีนเข้าออกพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องนานนับปี จนกระทั่งมั่นใจว่าทั้ง 4 จุดเป็นเครือข่ายเดียวกันจึงเปิดปฏิบัติการเรียกว่า TAKE DOWN SCAMMER เข้าจับกุมเป็นผลสำเร็จ อย่างไรก็ตามมีชาวจีนที่หลบหนีไปได้ส่วนหนึ่งถูกจับกุมได้ในท้องที่จังหวัดชุมพรเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดตามไปคุมตัวแล้ว
นอกจากนั้นเชื่อมโยงข้อมูลการสืบสวนพบว่าผู้ดูแลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวเป็นนักการเมืองหญิงในระดับท้องถิ่นรายหนึ่ง มีสามีเป็นชาวจีน มีสิ่งปลูกสร้างหลายแห่งโดยส่วนหนึ่งให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ใช้เป็นที่อาศัยติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ และเป็นฐานในการติดต่อหลอกลวงมีทั้งล่อลวงในพื้นที่ประเทศจีน และประเทศไทย เช่นการหลอกลวงเทรดหุ้น ซื้อขายสินค้า หลอกจองที่พัก หลอกโอนเงิน มีความเสียหายกระจายอยู่ทั่วประเทศ รวมทั้งในประเทศจีน เมื่อมีการหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีม้าแล้ว จะมีการเบิกถอนเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็มอย่างต่อเนื่อง มีเงินหมุนเวียนนับร้อยล้านบาท
สำหรับนักการเมืองหญิงรายนี้มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับคนในเครื่องแบบระดับนายพลระดับ-เอก และนายพลระดับ-โท โดยเฉพาะนายพลระดับเอกนั้นกำลังมีชื่อเสียงโด่งดัง ปัจจุบันยังอยู่ในราชการ ส่วนระดับรองลงมานั้นเป็นคนสนิทเคยมีตำแหน่งระดับรองผู้บัญชาการ คุมกำลังของหน่วยงานหนึ่งในพื้นที่ภาคใต้ปัจจุบันเกษียณอายุราชการไปแล้ว เมื่อนายพลทั้งคู่เดินทางมาในย่านนครศรีธรรมราช และใกล้เคียงนักการเมืองหญิงรายนี้จะเป็นผู้ที่คอยดูแลอำนวยความสะดวกในทุกเรื่องในทำนองต่างตอบแทน กับการอาศัยบารมีของนายพลดังกล่าว